เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา มีการประชุมร่วมกันระหว่างสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และบริษัท ไทยลีก จำกัด พร้อมตัวแทนสโมสรจากไทยลีก 1 เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนลงแข่งขันฟุตบอลโตโยต้าไทยลีกในช่วงเลก 2
พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ และโฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ แถลงข่าวยืนยันเพิ่มโควตานักฟุตบอลอาเซียนในไทยลีกเป็น 3+1+1 คือลงทะเบียนผู้เล่นต่างชาติชาติใดก็ได้ 3 คน สัญชาติเอเชีย 1 คน และอาเซียน 1 คน แต่ยังลงสนามได้เพียง 3+1 เช่นเดิม โดยจะเลือกเอเชียหรืออาเซียนลงก็ได้
นายพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ และโฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ
ในงานแถลงข่าว ณ ห้องประชุมสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ
Photo: FA Thailand
THE STANDARD จึงสัมภาษณ์พาทิศ ศุภะพงษ์ เกี่ยวกับแผนการพัฒนาไทยลีก โดยเพิ่มโควตานักเตะอาเซียนในปี 2018
การเพิ่มโควตานักเตะอาเซียนในไทยลีก มีจุดประสงค์ทางการตลาดหรือต้องการพัฒนาฟุตบอลในอาเซียน
ทั้งสองอย่างครับ คือเราต้องดูก่อนว่าญี่ปุ่นเขาเปิดโควตาอาเซียนโดยให้นักเตะไทยเล่นที่ญี่ปุ่นเหมือนนักเตะญี่ปุ่น ไม่ได้นับเป็นนักเตะต่างชาติ สาเหตุหลักคือเป็นกลยุทธ์ของญี่ปุ่นมานานแล้วที่ต้องการเป็นพรีเมียร์ลีกในเอเชีย นั่นคือเรื่องของการตลาด
แต่ในด้านเทคนิค ญี่ปุ่นพัฒนาไปถึงจุดที่เป็นท็อปเอเชีย แต่ยังมีช่องว่างระหว่างเอเชียกับยุโรปอยู่ เพราะคุณภาพของเกมในเอเชียยังไม่เท่ายุโรป ดังนั้นเขาต้องการพัฒนาฟุตบอลในเอเชีย โดยมีโครงการต่างๆ ที่ต้องการให้คู่แข่งในภูมิภาคนี้แข็งแกร่ง เหมือนการได้ซ้อมกับนักเตะเก่งๆ พอไปฟุตบอลโลก ช่องว่างระหว่างเอเชียกับยุโรปก็จะลดลง จริงๆ ผมก็ล้อมาจากคอนเซปต์นี้
ส่งเสริมการตลาดอย่างไร
เนื่องจากลีกฟุตบอลในอาเซียนขณะนี้ล้มลุกคลุกคลาน มีแต่ของไทยที่ยังโดดเด่น และเป็นหนึ่งเดียวในลีกอาเซียนที่เข้าเป็นโควตาตรงในเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ทำให้สโมสรของไทยได้โลดแล่นในการแข่งขันลีกสูงสุดของเอเชียทุกปี ต้องยอมรับว่าในอาเซียนรู้จักนักฟุตบอลไทยพอสมควร ดังนั้นเราจึงอยากนำนักเตะชื่อดังในอาเซียนเข้ามาร่วมในไทยลีก เพราะเวลาในการถ่ายทอดสดใกล้เคียงกัน
จะช่วยเรื่องสปอนเซอร์หรือนักลงทุนในไทยลีกแค่ไหน
เรื่องผู้สนับสนุน ฟุตบอลไทยยังมีไม่มาก สโมสรในทุกลีกต้องวิ่งเข้าหาผู้สนับสนุน เช่น น้ำดื่ม เครื่องดื่ม ซึ่งมีอยู่ไม่กี่เจ้าที่สนใจสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งจริงๆ ที่จะลงทุนกับฟุตบอล และปัจจุบันมีสโมสรเยอะเกินไปที่มาขอ สโมสรเองน่าจะถึงทางตันที่จะหาสปอนเซอร์เข้ามา แต่ถ้าคุณมีนักเตะเวียดนามมาอยู่ในทีม อยู่ในสโมสร เราก็จะสามารถดึงธุรกิจจากเวียดนามเข้ามาอยู่ในสโมสรได้ และสโมสรก็ไปทำการตลาดที่เวียดนามได้เช่นกัน เป็นการช่วยขยายศักยภาพและรายได้สโมสรให้แข็งแกร่ง แล้วถ้าเกิดเรามีนักเตะระดับอาเซียนเข้ามาอยู่กับเราเยอะ คุณภาพของนักเตะอาเซียนที่ไปติดทีมชาติเขาก็จะกลับไปพัฒนาและทำให้มาตรฐานของทั้งอาเซียนใกล้เคียงกันมากขึ้น
มันไม่ใช่ว่าวันนี้เราเป็นท็อปของอาเซียนแล้ว เราจะไม่สนใจภูมิภาคนี้เลย เหมือนเราเรียนเก่งที่สุดในห้องแล้วเราจะไปสนใจแต่ห้องคิง เราก็ต้องสนใจเพื่อน เพราะทุกๆ คนจะได้มีมาตรฐานเดียวกัน เราจะได้แข่งขันอย่างมีคุณภาพ เราต้องการให้เกิดการพัฒนาร่วมกัน
ทำไมไทยลีก 1 (ลีกสูงสุด) โควตาตอนนี้ยังเป็น 3+1 ลงสนาม โดยต้องเลือกเอเชียหรืออาเซียน
อันนี้ทางไทยลีก 2 หรือลีกรอง ได้เปิดโอกาสให้ใช้โควตา 3+1+1 ลงสนามเป็น 11 ตัวจริงได้ก่อน เนื่องจากสโมสรในไทยลีก 2 มีนักเตะอาเซียนเข้ามาก่อน กลัวว่าถ้าเปิดโควตาให้ไทยลีก 1 กับไทยลีก 2 พร้อมกัน นักเตะอาเซียนฝีมือดีก็จะย้ายไปลีกสูงสุดของไทยหมด เราต้องการเปิดโอกาสให้ไทยลีก 2 ได้นักเตะดีๆ ของอาเซียนก่อน แต่ในปี 2019 ทุกลีกจะเหมือนกันหมด
ไทยลีกจะมีการพัฒนาตามรูปแบบของฟุตบอลในประเทศไหน
เรามองตามแบบของญี่ปุ่นในด้านเทคนิคด้วยการพัฒนาลีกในภูมิภาคเดียวกันเพื่อให้การแข่งขันเข้มข้นยิ่งขึ้น ไม่มีช่องว่างมากจนเกินไป แล้วเราจะได้ฝึกฝนกับเกมที่มีคุณภาพมากขึ้น ในขณะที่โมเดลด้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์เรามองแบบพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งพวกเขาได้สร้างตัวเองเป็นคอนเทนต์ที่คนทั่วโลกต้องดู ดังนั้นในเชิงของโปรดักชัน เราจะมองในเรื่องของเทคโนโลยีการถ่ายทอดสด แสงไฟที่ดีทุกสนาม โดยเราเห็นได้ชัดถึงความต่างระหว่างไทยลีกกับพรีเมียร์ลีกส่วนหนึ่งมาจากคุณภาพของแสงไฟในสนาม จำนวนกล้อง ความชัดแบบ HD คุณภาพของกราฟิก โมชัน สถิติ และการตัดต่อ ตรงนี้เราก็ต้องการพัฒนา
ฟุตบอลทีมชาติไทย ฉลองแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ สมัยที่ 5 เมื่อปี 2016
หลังเอาชนะอินโดนีเซียในรอบชิงชนะเลิศ
Photo: LILLIAN SUWANRUMPHA, AFP
ฟุตบอลไทยในปัจจุบันนั้นถือว่าเป็นเบอร์หนึ่งของอาเซียนอย่างแท้จริงจากผลงานของแชมป์ซูซูกิคัพ หรือฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียนที่ไทยสามารถครองแชมป์ได้ 2 สมัยที่ผ่านมา เช่นเดียวกันฟุตบอลยู 23 ในการแข่งขันซีเกมส์ ซึ่งไทยก็สามารถคว้าเหรียญทองได้ 2 สมัยติดต่อกัน เป็นหลักฐานอย่างหนึ่งว่าเราสามารถก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งในอาเซียนได้แล้ว
ฟุตบอลทีมชาติไทยเสมอกับยูเออีไป 1-1 ในการแข่งขันนัดที่ 8 ของศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก
โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย
Photo: FA Thailand
แต่ในขณะเดียวกัน ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย ซึ่งเราต้องก้าวขึ้นไปแข่งขันกับทีมยักษ์ใหญ่ในเอเชียในการแข่งขัน 8 นัด เราสามารถยันเสมอได้เพียง 2 นัด และแพ้ไป 6 โดยยิงได้เพียง 4 ประตู และเสีย 20 ประตู
การพัฒนาฟุตบอลนั้นจำเป็นต้องมีการแข่งขัน นอกจากจะแข่งขันกันสร้างทีมที่มีความแข็งแกร่งที่สุดแล้ว เรายังจำเป็นต้องลงสนามเพื่อพบกับทีมที่ดีที่สุดเพื่อพัฒนาศักยภาพของเราอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งการช่วยพัฒนาฟุตบอลในอาเซียนก็เป็นหนึ่งการกระตุ้นให้เราก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
เพราะการเป็นคนเก่งคนเดียวอาจทำให้โดดเด่น แต่ถ้าทุกทีมเก่ง เราจะกลายเป็นคนเก่งที่ยกระดับตัวเองขึ้นไปอีกขั้น