เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานี ไม่เอาถ่านหิน และเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน ปักหลักชุมนุมอยู่บริเวณหน้าสำนักงานองค์การสหประชาชาติ ตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 พร้อมอดอาหารประท้วงการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา
โดยวันนี้ (20 ก.พ.) แกนนำเครือข่ายฯ เตรียมเคลื่อนไหวไปหน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อกดดันให้รัฐบาลยกเลิกโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาให้ได้
อย่างไรก็ตาม ช่วงเช้าวันนี้ ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เดินทางไปบริเวณหน้าสำนักงานองค์การสหประชาชาติเพื่อเจรจากับแกนนำผู้ชุมนุม โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานปิดรถตู้เจรจากับแกนนำนานร่วมชั่วโมง ก่อนได้ข้อสรุปร่วมกัน
หลังการเจรจากันในรถตู้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยปลัดกระทรวงแรงงาน และรองผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิต เป็นตัวแทนฝ่ายรัฐร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและเครือข่ายปกป้องสองฝั่งทะเล กระบี่-เทพา เพื่อยุติโรงไฟฟ้าถ่านหิน
สาระสำคัญคือ หนึ่ง ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ถอนรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา และโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ (ฉบับใหม่) ออกจากสำนักงานนโยบายและแผนจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายใน 3 วัน นับแต่วันลงนาม และให้ กฟผ. ส่งหนังสือแจ้งการถอนรายงานให้เครือข่ายทราบ
สอง ให้กระทรวงพลังงานจัดทำรายงานประเมินผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ (SEA) เพื่อศึกษาว่าพื้นที่จังหวัดกระบี่ และอำเภอเทพา จังหวัดสงขลา มีความเหมาะสมในการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือไม่ โดยใช้นักวิชาการที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับร่วมกัน และต้องดำเนินการศึกษาให้เสร็จสิ้นภายใน 9 เดือน หากผลการศึกษาออกมาว่าไม่เหมาะสมก็จะต้องยุติการดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งสองพื้นที่
สาม หากผลการศึกษา SEA บ่งชี้ว่าพื้นที่มีความเหมาะสมในการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ขั้นตอนการจัดทำรายงาน EHIA จะต้องจัดทำโดยคนกลางที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับร่วมกัน
และสี่ ขอให้คดีความระหว่าง กฟผ. และเครือข่ายฯ เลิกแล้วต่อกัน
โดยหลังร่วมลงนาม บรรจง นะแส นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย ในฐานะแกนนำเครือข่ายฯ กล่าวว่า หลังลงนามแล้วเครือข่ายฯ จะยุติการชุมนุมในวันนี้ทันที และไม่เดินทางไปทำเนียบแล้ว แต่หากผิดข้อตกลงข้อใดข้อหนึ่งจะกลับมาทวงสิทธิ์ ทวงสัญญาทันที
ขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวว่า ข้อตกลงในการลงนามทั้งหมดมีผลในทางปฏิบัติได้ เพราะอยู่ในอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานอยู่แล้ว ไม่ต้องรอผ่านมติคณะรัฐมนตรี พร้อมเชื่อว่าจะสามารถหาคนกลางที่เป็นผู้เชี่ยวชาญมาทำการศึกษาได้ เพราะรัฐบาลก็อยากได้ผลการศึกษาที่เป็นข้อยุติเช่นกัน
ผู้ชุมนุมเริ่มเก็บข้าวของและเก็บเศษขยะในพื้นที่เพื่อเตรียมเดินทางกลับ เพลง แสงดาวแห่งศรัทธา ดังขึ้นในหมู่ผู้ชุมนุม ตามด้วยเพลง พลังใจ ผู้ชุมนุมหลายคนกอดกันร้องไห้ด้วยความดีใจ หลังปักหลักอดอาหารประท้วงนานร่วมสัปดาห์