The Cheese Sisters ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดจากค่าย iAM FILMs และ Studio Commuan ที่นำกระบวนการทำชีสมาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของหญิงสาว 4 คู่ โดยได้ 8 สมาชิก BNK48 และ CGM48 มาร่วมรับบทนำ ได้แก่ น้ำหนึ่ง-มิลิน ดอกเทียน และ เนย-กานต์ธีรา วัชรทัศนกุล ในพาร์ต Dairy Farmer, ปัญ-ปัญสิกรณ์ ติยะกร และ เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ ในพาร์ต Cheese Maker, วี-วีรยา จาง และ ฟ้อนด์-ณัฐทิชา จันทรวารีเลขา ในพาร์ต Deliver, มามิ้งค์-มาณิฌา เอี่ยมดิลกวงศ์ และ คนิ้ง-วิทิตา สระศรีสม ในพาร์ต Baker
ด้านรายชื่อทีมผู้กำกับที่จะมาร่วมปรุงแต่งรสชาติครั้งนี้ นำโดย มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล จาก ดิว ไปด้วยกันนะ (2562), อั้ม-ณัฐพงษ์ อรุณเนตร จากซีรีส์ ทริอาช The Series (2565), ตั๊ก-ฉันทนา ทิพย์ประชาชาติ จากซีรีส์ หน่าฮ่าน เดอะ ซีรีส์ (2565), นัทสอ-สรวิชญ์ เมืองแก้ว มือเขียนบทจาก ดิว ไปด้วยกันนะ และ ตู้-อัศฎา ลิขิตบุญมา จาก Self เราเห็นนาย
เริ่มต้นที่พาร์ต Dairy Farmer ในพาร์ตนี้จะเล่าเรื่องราวของ เฟิร์น (เนย) หญิงสาวที่สูญเสียพ่อไปอย่างกะทันหัน เธอจึงต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องดูแลฟาร์มโคนมต่อจากพ่อ พร้อมทั้งยังต้องจัดการกับปัญหาหนี้ก้อนโตไปพร้อมกัน โดยมี ฝน (น้ำหนึ่ง) เพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กคอยช่วยเหลือและให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง
จุดเด่นข้อหนึ่งของพาร์ต Dairy Farmer ที่ผู้เขียนคิดว่าผู้กำกับและทีมสร้างนำเสนอออกมาได้น่าสนใจมากๆ คือปมปัญหาที่ตัวละครเฟิร์นต้องแบกรับ ทั้งเหตุผลที่ทำให้เฟิร์นอยากจะสานต่อฟาร์มโคนมของพ่อที่ทำให้เราเข้าใจเธอเป็นอย่างดี รวมถึงเงื่อนไขและภาระหน้าที่ต่างๆ ที่บีบบังคับให้เฟิร์นต้องตัดสินใจ ก็มีน้ำหนักมากพอที่ทำให้การตัดสินใจของเธอยากขึ้นกว่าเดิม จนทำให้เราสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันหนักหน่วงที่เฟิร์นต้องเผชิญได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกัน จุดที่เราแอบเสียดายในพาร์ตนี้ เห็นจะเป็นวิธีการคลายปมปัญหาของเฟิร์นที่ดูกำกวมและเรียบง่ายเกินไปสักหน่อย ไม่ได้มีการฉายภาพให้เราเข้าใจอย่างชัดเจนนักว่าสุดท้ายแล้ว เฟิร์นสามารถแก้ไขปัญหาที่ถูกปูเอาไว้ในตอนแรกได้สำเร็จหรือไม่ และการตัดสินใจของเธอมันส่งผลต่อคนรอบข้างอย่างไร เช่นเดียวกับปมปัญหาของตัวละครฝนที่ถูกปูเอาไว้ได้น่าสนใจมากๆ แต่ผู้กำกับและทีมสร้างก็ไม่ได้พาเราไปสำรวจเรื่องราวของฝนมากนัก จนทำให้เราแอบเสียดายเรื่องราวของเธออยู่เช่นกัน
ต่อเนื่องกันที่พาร์ต Cheese Maker เล่าเรื่องราวของ ไอริน (เจนนิษฐ์) สาววัยทำงานที่ดูจะไม่ค่อยมีความสุขกับการดำเนินชีวิตของตัวเองเท่าไรนัก เธอจึงตัดสินใจออกเดินทางไปพักผ่อนจิตใจในโฮมสเตย์เล็กๆ แห่งหนึ่ง และนั่นก็ทำให้เธอได้มาพบกับ นาว (ปัญ) หญิงสาวที่คอยช่วยพ่อและแม่ดูแลโฮมสเตย์แห่งนี้ เรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงเริ่มต้นขึ้น
หากนับรวมทั้ง 4 พาร์ต ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่า Cheese Maker คือพาร์ตที่นำเสนอเรื่องราวออกมาได้ ‘กลมกล่อม’ มากที่สุด แม้ว่าในพาร์ตนี้จะมีจุดสังเกตในแง่ของการดำเนินเรื่องที่เรียบง่าย จนทำให้เราคาดเดาเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบได้ไม่ยาก
แต่ขณะเดียวกัน ผู้กำกับก็สามารถปรุงแต่งรสชาติของความโรแมนติก-คอเมดี้ออกมาได้อย่างพอเหมาะ โดยเฉพาะคาแรกเตอร์กวนๆ ขี้เล่นของนาวที่สร้างเสียงหัวเราะให้เราได้เสมอ รวมถึงความคิดและความรู้สึกของไอรินที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปจากตอนต้นเรื่อง ก็ทำให้ธีมหลักของเรื่องอย่างความสัมพันธ์และการเติบโตมีความชัดเจนมากขึ้นอีกด้วย
สลับมาที่พาร์ต Deliver บอกเล่าเรื่องราวของ ปราง (วี) พนักงานขนส่งชีสสาว ที่บังเอิญมาเจอกับ มิว (ฟ้อนด์) เพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมานาน มิวได้ขอให้ปรางช่วยพาเธอไปส่งที่สถานีรถไฟ เพื่อย้ายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าการเดินทางครั้งนี้จะไม่ราบรื่นเท่าไรนัก
จุดเด่นข้อหนึ่งของ Deliver ที่โดดเด่นมากๆ เห็นจะเป็นการแสดงของสองนักแสดงนำอย่างวีและฟ้อนด์ ที่ถ่ายทอดมวลความรู้สึกของตัวละครออกมาได้อย่างแจ่มชัด ทั้งความรู้สึกหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีต ความสับสนในจิตใจของตัวละคร และความเจ็บปวดของการจากลา
อย่างไรก็ตาม จุดสังเกตของ Deliver ที่เราแอบเสียดายคือ กลวิธีนำเสนอที่ไม่สามารถชวนให้เรารู้สึกร่วมไปกับตัวละครเท่าไรนัก โดยเฉพาะปมปัญหาของทั้งคู่ที่ดูรวบรัดและคลุมเครือพอสมควร ในแง่หนึ่งอาจเป็นเพราะด้วยระยะเวลาในการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างจำกัด จึงทำให้ผู้กำกับไม่สามารถพาเราไปทำความรู้จัก และสำรวจเรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้อย่างลงลึก จนส่งผลให้ในช่วงสุดท้าย เรากลับไม่รู้สึกอินกับบทสรุปของทั้งคู่เท่าไรนัก
ปิดท้ายด้วยพาร์ต Baker เล่าเรื่องราวของ แพท (มามิ้งค์) หญิงสาวเจ้าของร้านคาเฟ่ที่ชื่นชอบความสงบสุข แต่เธอกลับต้องมารับมือกับ เมจิ (คนิ้ง) เด็กสาวข้างบ้านที่ขอให้เธอช่วยสอนทำเค้กให้ ชีวิตที่แสนวุ่นวายของแพทจึงเริ่มต้นขึ้น
Baker ดูจะเป็นพาร์ตที่ขับเน้นไปในทางคอเมดี้มากกว่าพาร์ตอื่นๆ แต่ด้วยองค์ประกอบหลายๆ อย่างที่เรารู้สึกว่าผู้กำกับและทีมสร้างยังนำเสนอออกมาได้ไม่กลมกล่อมเท่าไรนัก จึงทำให้ในพาร์ตนี้มีความขาดๆ เกินๆ อยู่พอสมควร
เริ่มต้นด้วยการกระทำหลายๆ อย่างของตัวละครดูไม่สมเหตุสมผล เช่น ในฉากเล็กๆ ที่แพทกำลังต้อนรับลูกค้าอยู่ เธอก็เดินเข้ามาแทรกบทสนทนาเอาดื้อๆ แถมแพทก็เลือกที่จะหันมาสนใจเมจิ และมองข้ามลูกค้าคนก่อนหน้าไปเสียอย่างนั้น รวมไปถึงการพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่ดูรวบรัดตัดตอนไปพอสมควร จึงส่งผลให้เราไม่มีความรู้สึกร่วมไปกับเรื่องราวของพวกเธอได้อย่างที่ควรจะเป็น
เมื่อเราลองมองภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นส่วนๆ ผู้เขียนคิดว่าเรื่องราวในแต่ละพาร์ตก็มีจุดเด่นที่เราชื่นชอบ และข้อสังเกตที่เรารู้สึกเสียดายแตกต่างกันไป แต่หากลองถอยมามองในภาพรวมทั้งหมด เรารู้สึกว่า The Cheese Sisters มีความโดดเด่นมากๆ ในแง่ของไอเดียตั้งต้น อย่างการนำขั้นตอนของการทำชีสมาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวการเติบโตของตัวละครที่ต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ มากมาย รวมถึงปมปัญหาต่างๆ ของตัวละครที่ถูกปูมาได้อย่างน่าสนใจ
แต่ด้วยองค์ประกอบหลายๆ ส่วนที่อาจจะยังดูขาดๆ เกินๆ อยู่สมควร เราจึงรู้สึกว่าชีสก้อนนี้ยังดูไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างที่ผู้สร้างต้องการนำเสนอ จนทำให้เราแอบคิดว่า บางทีหาก The Cheese Sisters ถูกนำเสนอในรูปแบบของซีรีส์ที่มีพื้นที่ และเวลาให้ผู้กำกับได้พาผู้ชมไปสำรวจเรื่องราวของตัวละครต่างๆ อย่างเต็มที่ ก็อาจจะดูเหมาะสมและน่าติดตามมากกว่าหรือเปล่า
รับชมตัวอย่าง The Cheese Sisters ได้ที่
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- ตาหวาน อิสราภา คุยชีวิต ‘BNK48 – ศิลปินเดี่ยว’ ผ่านบทเพลง ข้างๆ ประกอบภาพยนตร์ The Cheese Sisters
- คนิ้ง-มามิ้งค์ CGM48 สลัดลุคไอดอล ฉายแสงงานแสดงเรื่องแรกในชีวิตกับ The Cheese Sisters
- ‘แชมพู CGM48’ ขอสวมบท ‘ชีสพาย’ เสิร์ฟความน่ารัก-สดใสแบบ 300% กับเพลง ‘ลา ลา รัก’
- น้ำหนึ่ง-เนย BNK48 การเติบโตตลอด 6 ปี และความสัมพันธ์ที่อยากรักษาไว้ ‘ตลอดไป’
ภาพ: iAM FILMs