กลุ่ม LGBTQ หรือกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ถือได้ว่าเป็นฐานแฟนเพลงที่มีความสำคัญต่อ บริตนีย์ สเปียร์ส อย่างมหาศาล ตั้งแต่ผู้หญิงวัย 36 ปีคนนี้ก้าวเข้ามาในวงการดนตรีกับซิงเกิล …Baby One More Time ในปี 1998 จนกลายเป็นตำนานในทุกวันนี้ ด้วยผลงานและการสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ มาโดยตลอดของบริตนีย์ เธอเพิ่งได้รับเลือกจากสมาคม GLAAD ให้ได้รับรางวัล Vanguard Award ซึ่งมอบให้บุคคลในสื่อที่ผลักดันความเท่าเทียมและช่วยสร้างจุดยืนให้กลุ่ม LGBTQ
สมาคม GLAAD ก่อตั้งในปี 1985 ในมหานครนิวยอร์ก เพื่อช่วยดูแลภาพลักษณ์และการรายงานข่าวของกลุ่ม LGBT ในสื่อทุกรูปแบบของอเมริกา โดยในช่วงแรกที่ GLAAD ก่อตั้งก็มีปัญหาโรคเอดส์ที่เริ่มแพร่หลาย และกลุ่มเกย์ถูกสะท้อนผ่านสื่ออย่างโอเวอร์และเสียๆ หายๆ ว่าเป็นกลุ่มคนที่เป็นต้นเหตุของปัญหานี้
เริ่มตั้งแต่ปี 1990 ทางสมาคม GLAAD มีการจัดงานแจกรางวัล GLAAD Media Awards ที่ลอสแอนเจลิสและนิวยอร์กทุกปีเพื่อยกย่องผลงานและบุคคลในหลากหลายสาขา เช่น ดนตรี ภาพยนตร์ ซีรีส์ รายการโทรทัศน์ รายการข่าว และงานเขียนที่สามารถช่วยขยายบริบทของกลุ่ม LGBTQ ให้มีคุณค่ามากขึ้นและเป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะในสื่อกระแสหลัก ซึ่งที่งาน GLAAD Media Awards ก็จะมีการแจกรางวัลเกียรติยศพิเศษอีกหลายตัว โดยหนึ่งในนั้นก็คือ Vanguard Award ที่แจกให้บุคคลในวงการบันเทิงที่ช่วยสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ ตั้งแต่แรกเริ่มของการทำงาน แม้ตัวเองจะรักเพศตรงข้ามและไม่ได้อยู่ในกลุ่ม LGBTQ ก็ตาม
สำหรับรางวัล Vanguard Award ที่ผ่านมา เจนนิเฟอร์ โลเปซ, แชร์, อลิซาเบธ เทย์เลอร์, เจเน็ต แจ็คสัน, เดมี โลวาโต และจอช ฮัตเชอร์สัน จากภาพยนตร์ The Hunger Games ต่างเคยรับรางวัลนี้มาแล้ว ซึ่งปีนี้บริตนีย์จะขึ้นรับรางวัลในวันที่ 12 เมษายน ที่โรงแรมเบเวอร์ลีย์ ฮิลตัน ในลอสแอนเจลิส
ความสัมพันธ์ของบริตนีย์และกลุ่ม LGBTQ ถือได้ว่ายิ่งใหญ่และสวยงามมาตลอด โดยเฉพาะกับเยาวชน LGBTQ ที่เติบโตมาในยุค 90s กับดนตรีของเธอ ที่ผ่านมาบริตนีย์เองก็มีการช่วยเหลือกลุ่ม LGBTQ อย่างสม่ำเสมอ เช่น ในปี 2016 เธอก็ได้เป็นหนึ่งในศิลปินที่มาขับร้องเพลง Hands ของสมาคม GLAAD เพื่อจดจำและยกย่อง 49 คนที่เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงที่คลับ Pulse ในรัฐออร์แลนโด ซึ่งเป็นคลับสำหรับกลุ่ม LGBTQ ส่วนในปี 2017 เธอก็เป็นหนึ่งใน 140 ศิลปินและนักแสดงร่วมกับเจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์, อะรีอานา กรานเด และเลดี้ กาก้า ฯลฯ ที่ลงชื่อเพื่อต่อต้านกฎหมายของรัฐเท็กซัสที่กดขี่เยาวชนข้ามเพศ (Transgender)
นอกเหนือจากนั้น บริตนีย์ก็ตอกย้ำการเป็นอีกหนึ่งไอคอนของกลุ่ม LGBTQ ในค่ำคืนแรกของคอนเสิร์ต Britney: Piece of Me ที่ลาสเวกัส ในปี 2013 ที่มีหนึ่งคู่เกย์ได้เจอกันเป็นครั้งแรกที่คอนเสิร์ต และต่อมาได้ตัดสินใจแต่งงานกันที่ลาสเวกัสที่เดิม ซึ่งบริตนีย์ก็ถ่ายคลิปอวยพรและเซ็นใบจดทะเบียนสมรสข้างหลังเวทีช่วงมีตแอนด์กรี๊ดให้
ในปี 2014 ที่คอนเสิร์ต Britney: Piece of Me เช่นเดียวกัน เดวิด เลอคอร์ส วัยรุ่นคนหนึ่งได้พบบริตนีย์ข้างหลังเวที เขาได้ยื่นจดหมายที่เขียนเล่าว่าเคยคิดฆ่าตัวตายเพราะปัญหาชีวิตรุมเร้า แต่เพราะเพลงของบริตนีย์ทำให้เขากล้าเผชิญกับมัน สร้างความมั่นใจ และเปิดรับเกี่ยวกับการเป็นเกย์ หลังจากบริตนีย์ได้อ่านจดหมายนี้ เธอได้สั่งให้บอดี้การ์ดไปขอที่อยู่ของเดวิด และอีกไม่กี่วันบริตนีย์ก็เขียนจดหมายไปหา พร้อมบอกว่าเธอเชื่อเสมอว่าหากคนเราทำตามหัวใจ ผลลัพธ์ในวันข้างหน้ามักจะดีเสมอ
*สำหรับรายชื่อผู้เข้าชิง GLAAD Media Awards ปีนี้สามารถเข้าไปดูได้ที่ https://www.glaad.org/mediaawards/nominees
อ้างอิง: