YouTube ประเทศไทย ปล่อยฟีเจอร์ใหม่ภายใต้ตระกูล Super ประกอบด้วย Super Chat, Super Stickers และ Super Thanks อย่างเป็นทางการ โดยได้เริ่มปล่อยตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อช่วยเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้ รวมถึงสนับสนุนในแง่การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างครีเอเตอร์และฐานแฟนคลับ ให้เข้าถึงและใกล้ชิดกันได้มากขึ้นกว่าเดิม
มุกพิม อนันตชัย หัวหน้าฝ่ายพันธมิตรธุรกิจ YouTube ประเทศไทยและเวียดนาม กล่าวว่า หากย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา YouTube ถือเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอที่เปิดให้ทุกคนสามารถสร้างช่องทางของตัวเองได้ทั้งในไทยและต่างประเทศ จากนั้นได้เปิดตัวโปรแกรมพาร์ตเนอร์ให้ครีเอเตอร์สร้างรายได้ให้ช่องทางของตัวเอง
เห็นได้จากในช่วงเดือนมิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา ช่อง YouTube ในไทยรายได้ส่วนใหญ่มาจากผลิตภัณฑ์การสร้างรายได้ทางเลือกเพิ่มขึ้นกว่า 150% ซึ่งจากเดิมรายได้ส่วนใหญ่มาจากโฆษณา ขณะที่ช่อง YouTube มีรายได้จากการเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้น 250% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- YouTube ปล่อยฟีเจอร์ใหม่ด้านการศึกษา ช่วยให้ผู้เรียนสามารถโฟกัสกับเนื้อหาโดยไม่มีโฆษณามาคั่น
- Google จะปรับอัลกอริทึมการ ‘ค้นหา’ ครั้งใหญ่ในรอบกว่าทศวรรษ เพื่อล้างบาง ‘เนื้อหาที่มุ่งทำแต่ SEO แต่ไร้ประโยชน์ต่อคนอ่าน’
- เพิ่มเงินแต่สิทธิประโยชน์คงเดิม! สื่อต่างชาติรายงาน ผู้ใช้ YouTube Premium แบบครอบครัว จะต้องจ่ายเพิ่มอีกเดือนละ 191 บาท หรือ 25% ด้วยกัน
แต่เป้าหมายต่อไปคือต้องการให้คอนเทนต์ที่มีความคิดสร้างสรรค์เติบโตอย่างยั่งยืน ล่าสุดจึงได้ปล่อยฟีเจอร์ Super ซึ่งจะเป็นช่องทางใหม่ให้เหล่าครีเอเตอร์สร้างรายได้จากเนื้อหาของคอนเทนต์ตนเอง หรือการให้เงินสนับสนุนของฐานแฟนคลับ และดึงให้คนเข้ามาในแพลตฟอร์ม หรือจะเรียกว่าพื้นที่เศรษฐกิจของครีเอเตอร์
หากเจาะลึกลงไปที่ฟีเจอร์ Super จะมีความแตกต่างกัน Super Chat จะเป็นข้อความในฟีดแชตในช่วงที่เจ้าของช่องสตรีมมิงแบบสดๆ และวิดีโอพรีเมียร์ โดยจะได้รับการปักหมุดให้อยู่บนสุดนานกว่า 5 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มโอกาสการมองเห็นอันดับแรกๆ
ตามด้วย Super Stickers ผู้ชมสามารถซื้อสติกเกอร์ข้อความส่งให้กับครีเอเตอร์ที่เราชื่นชอบได้ และสามารถเลือกสื่อสารได้หลายภาษา ท้ายสุด Super Thanks เป็นช่องทางเปิดโอกาสให้ผู้ชมสนับสนุนครีเอเตอร์ที่เราชื่นชอบแม้ไม่มีการไลฟ์ โดยการซื้อ Super Thanks ทำได้ในหน้าวิดีโอ และยังสามารถแสดงความคิดเห็นในวิดีโอได้ด้วย
ทั้ง 3 ฟีเจอร์ มีเรตราคาเริ่มต้น 19 บาท ไปจนถึง 1,000 บาท โดยผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกก็สามารถสนับสนุนเหล่าครีเอเตอร์ทั้งในและต่างประเทศได้
เช่นเดียวกับครีเอเตอร์ที่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้จะต้องเป็นผู้เข้าร่วมโปรแกรมพาร์ตเนอร์ YouTube มีอายุ 18 ปี เป็นช่องที่สามารถสร้างรายได้จริง และมี Subscribe มากกว่า 1,000 ขึ้นไป
ปัจจุบันแหล่งที่มาของรายได้ครีเอเตอร์ประกอบด้วย โฆษณา YouTube พรีเมียม และฐานแฟนคลับ และส่วนแบ่งรายได้ฟีเจอร์ Super บริษัทแบ่งให้ครีเอเตอร์ 70% และอีก 30% เป็นของแพลตฟอร์ม
มุกพิมกล่าวต่ออีกว่า YouTube ยังไม่ได้ตั้งเป้าว่าฟีเจอร์ดังกล่าวจะสร้างยอดขายได้มากน้อยแค่ไหน แต่เราไม่หยุดพัฒนาโปรแกรมกระตุ้นให้เกิดอีโคโนมีแพลตฟอร์มต่อไปเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา YouTube แบ่งรายได้ให้กับครีเอเตอร์ ศิลปิน และบริษัทสื่อ สูงถึง 1.7 ล้านล้านบาท โดยเชื่อว่าครีเอเตอร์หลายคนสามารถนำไปต่อยอดด้านการพัฒนาและสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจให้สอดรับกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างต่อเนื่อง