วันนี้ (28 ตุลาคม) ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากแผนพลังงานแห่งชาติที่กำหนดกรอบให้ไทยมียานยนต์ไฟฟ้า หรือรถ EV ที่ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด โดยตั้งเป้าให้ปี 2573 ต้องมีการใช้รถ EV เพิ่มมากกว่า 50% เพื่อให้ปี 2583 สามารถทดแทนยานยนต์ที่ใช้น้ำมันได้ 100% ในกลุ่มรถใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ไทยสามารถลดการใช้พลังงานน้ำมันและส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการเกิดฝุ่น PM2.5 ด้วย โดยรัฐบาลได้ออกมาตรการสนับสนุนอุตสาหกรรมรถ EV อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเงินอุดหนุนรถยนต์และรถกระบะคันละ 70,000-150,000 บาทต่อคัน และรถจักรยานยนต์ 18,000 บาทต่อคัน ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์จาก 8% เป็น 2% และรถกระบะเป็น 0% ลดอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตจากต่างประเทศ และนำเข้าทั้งคัน (CBU) สูงสุด 40% สำหรับรถยนต์ ถึงปี 2566 และยกเว้นอากรขาเข้าส่วนประกอบรถ EV จำนวน 9 รายการ เพื่อนำมาผลิตหรือประกอบรถ EV ในประเทศ (CKD) จำนวน 9 รายการ ส่งผลให้แนวโน้มการใช้รถ EV ของไทยเพิ่มสูงขึ้น
“ทั้งนี้ จากข้อมูลของกรมการขนส่งทางบกพบว่า ในปี 2565 ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2565 ประเทศไทยมีปริมาณการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสะสมรวมทั้งสิ้น 20,087 คัน ได้แก่
- รถยนต์ไฟฟ้า 7,747 คัน
- รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 11,637 คัน
- รถสามล้อไฟฟ้า 398 คัน
- รถบัสและรถบรรทุกไฟฟ้า 305 คัน
เปรียบเทียบกับข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 มีปริมาณการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสะสมเพียง 11,382 คัน โดยแบ่งเป็น
- รถยนต์ไฟฟ้า 4,132 คัน
- รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 6,749 คัน
- รถสามล้อไฟฟ้า 263 คัน
- รถบัสและรถบรรทุกไฟฟ้า 238 คัน
จะเห็นได้ว่ามีการเติบโตที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เชื่อว่าก่อนถึงสิ้นปีจะมียอดใช้รถ EV เพิ่มขึ้น” ทิพานันกล่าว
ทิพานันกล่าวต่อไปว่า จากจำนวนยอดที่เติบโตและความพร้อมที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้วางไว้ในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตและการใช้งานรถ EV รวมถึงมีมาตรการรัฐที่ผลักดันอุตสาหกรรมรถ EV สนับสนุนการผลิตรถ EV ในไทย เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุน เช่น GWM, Toyota, MG, Green Filter, EA (Mine Mobility), Deco, H Sem และ BYD ที่ได้ลงนามกับกรมสรรพสามิตแล้วเพื่อสมัครเข้าร่วมมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของไทย และยังมีผู้ผลิตที่สนใจอีกกว่า 5 รายใหญ่ ซึ่งตรงนี้จะยิ่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเชื่อมั่นว่าไทยจะเป็นฐานผลิตรถ EV ใหญ่ในภูมิภาคได้แน่นอน ซึ่งส่งผลดีกับพี่น้องประชาชนโดยรวม ทำให้เกิดการจ้างงานครั้งใหญ่ มีเม็ดเงินมหาศาลถึงมือประชาชน และต่อยอดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างมั่นคง