เมื่อวานนี้ (11 ตุลาคม) ทรู-ดีแทค ยื่นหนังสือถึง กสทช. เพื่อให้นำเรื่องการรวมธุรกิจระหว่างทรู-ดีแทคมาพิจารณาโดยเร็ว หลังยื่นรายงานไปตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2565 และได้ให้ความร่วมมือนำส่งข้อมูลเพิ่มเติมตามที่สำนักงาน กสทช. ร้องขอมาโดยตลอด
ที่ขณะนี้ผ่านไป 9 เดือนแล้ว ซึ่งเลยจากระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดมานานแล้ว การพิจารณาก็ยังไม่เสร็จสิ้น ความล่าช้าดังกล่าวก่อให้เกิดผลกระทบทั้งต่อผู้บริโภค ผู้ถือหุ้น ประชาชนชาวไทย และประเทศชาติ ที่จะเสียโอกาสจากการได้ใช้สินค้า บริการ และสิทธิพิเศษที่มากขึ้น ตลอดจนเครือข่ายสัญญาณที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่รองรับการเติบโตของธุรกิจดิจิทัล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ส่องดีล ‘แอดวานซ์’ ทุ่ม 3.2 หมื่นล้านบาท ซื้อ 3BB และ JASIF จาก ‘จัสมิน’ ใครได้ใครเสีย
- ควบรวม TRUE-DTAC และ AIS-3BB ผูกขาด ค่าบริการพุ่ง?
- ก.ล.ต. แจง ทรู ดีแทค จะรับซื้อหุ้นจากผู้ที่คัดค้านได้ ต้องรอความชัดเจนจาก กสทช. ก่อน
จักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การมายื่นหนังสือถึงประธานและคณะกรรมการ กสทช. อย่างเป็นทางการนี้ เพื่อให้ กสทช. พิจารณาการควบรวมโดยเร็ว เนื่องจากได้ยื่นเอกสารตั้งแต่วันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา จนล่วงเลยมาถึง 9 เดือน ยังไม่มีบทสรุปเป็นทางการจาก กสทช. ซึ่งปกติต้องพิจารณาภายใน 90 วัน
โดยทรูและดีแทคเข้าใจดีว่าคณะกรรมการต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่ด้วยการใช้เวลาพิจารณาเรื่องนี้เกินกว่าที่กฎหมายได้กำหนดไว้มานานแล้ว ได้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภคทั้งทรูและดีแทค ซึ่งจะยังใช้บริการและโครงข่ายร่วมกันไม่ได้
“เพราะฉะนั้นจึงอยากขอความเป็นธรรมจาก กสทช. ให้ช่วยเร่งรัดพิจารณาไม่ให้เกิดความล่าช้าไปมากกว่านี้ และหาก กสทช. เห็นควรให้มีมาตรการตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ให้บริษัทผู้ควบรวมปฏิบัติ ก็ขอให้พิจารณามาตรการที่เหมาะสม โดยยึดถือหลักของผู้บริโภค และการเติบโตของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมควบคู่กันไป”
ด้าน เลิศรัตน์ รตะนานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายประสานงานภาครัฐ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า กระแสตอบรับการควบรวมจากลูกค้าดีแทคเป็นไปในทางที่ดี เพราะทำให้การใช้บริการดีขึ้น ซึ่งทุกองค์กรต้องมีการทำวิจัยเพื่อสอบถามความคิดเห็นของลูกค้าว่ามีผลอย่างไร แต่เท่าที่บริษัทได้วิจัยแล้วเห็นว่าไม่มีผลในแง่ลบ มีแต่แง่บวก ซึ่งยืนยันได้ว่าลูกค้าดีแทคจะได้ใช้งานเครือข่ายที่ดีขึ้น พื้นที่ใช้งานเพิ่มขึ้น และคุณภาพบริการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างแน่นอน
จักรกฤษณ์กล่าวสรุปเพิ่มเติมว่า สำหรับมาตรการที่ทาง กสทช. จะกำหนด ยังไม่ทราบว่ามีข้อใดบ้าง ตามที่มีข่าวว่าจะไม่ให้รวมคลื่นนั้น มองว่า กสทช. น่าจะไม่มีข้อนี้ เพราะการรวมคลื่นทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์สูงสุด ลูกค้าทั้งสองบริษัทสามารถใช้โครงข่ายร่วมกันได้ และในส่วนความกังวลว่าจะเกิดการผูกขาด ราคาค่าบริการจะสูงขึ้น และจะทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อนหรือไม่ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะ กสทช. มีประกาศเรื่องอัตราค่าบริการ มีการกำหนดอัตราค่าบริการขั้นสูงสุด กสทช. สามารถกำกับได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว
“ในขณะที่เรื่องคุณภาพยิ่งไม่ใช่ปัญหา เชื่อได้ว่าจะดียิ่งขึ้น นอกจากนี้การควบรวมธุรกิจยังจะช่วยลดความซ้ำซ้อนในการลงทุน ทั้งนี้ หากวันนี้ (12 ตุลาคม) ยังไม่มีการลงมติ ก็อยากขอความเห็นใจ และขอให้เข้าใจว่าวันนี้ เรามีผู้ถือหุ้น ลูกค้า ประชาชนที่รออยู่ ซึ่งได้รับความเสียหายโดยตรง รวมถึงสังคมและประเทศชาติ ถ้าควบรวมกันได้ก็จะสามารถต่อยอด 5G ได้เร็วขึ้น”