วันนี้ (11 ตุลาคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม ครม. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) การประชุมจบลงในเวลา 11.00 น. เนื่องจากในช่วงบ่าย ครม. จะเดินทางไปร่วมการพิธีพระราชทานเพลิงศพเหตุการณ์ความสูญเสียภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ จังหวัดหนองบัวลำภู โดยหลังการประชุม พล.อ. ประยุทธ์ ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลังประชุม ครม. ถึงประเด็นทางการเมืองหลัง ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ที่ปรึกษาคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ให้พรรคภูมิใจไทยเตรียมที่นั่งฝ่ายค้านรอไว้ได้เลยว่า ก็ดี ได้มีสิทธิตั้งคณะกรรมการอิสระ ส่วนได้เป็นฝ่ายค้านหรือไม่ อีกไม่ถึง 6 เดือนจะได้ทราบแล้ว ส่วนการเลือกตั้งครั้งหน้า ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการเปิดเวทีปราศรัยครั้งแรกที่ในพื้นที่ภาคอีสาน โดยเลือกจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมเปิดเวทีแข่งพรรคภูมิใจไทย อนุทินระบุว่า ที่ศรีสะเกษพรรคเพื่อไทยก็มี ส.ส. ในพื้นที่ อย่าไปคุยเรื่องความขัดแย้งให้มากนัก ขณะเดียวกันพรรคการเมืองเองก็ควรอยู่กับร่องกับรอยเช่นกัน
อนุทินระบุอีกว่า ถ้าจะเข้ามาบริหารบ้านเมือง สิ่งแรกที่ควรจะทำคือการหยุดทำความขัดแย้ง การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย มีการแยกขั้วชัดเจน หากบอกเข้ามาเพื่อทำให้บ้านเมืองสงบแล้วยังมีการแบ่งพวกเช่นนี้ สิ่งที่ต้องการคือความสงบสุขของสังคม ถ้าหากจะให้บ้านเมืองสงบก็ต้องรักและสามัคคีกัน ส่วนเรื่องการเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลเป็นเพียงการทำบทบาท การเป็นฝ่ายค้านที่จะต้องมาทะเลาะหรือต่อสู้กัน บทบาทต่างๆ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ หลังการเลือกตั้งแล้วจึงสามารถกำหนดได้ว่าพรรคใดจะอยู่ฝ่ายไหน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแส ส.ส. พลังประชารัฐ หลายคนเตรียมย้ายไปพรรคภูมิใจไทย ก็ได้คำตอบว่า พรรคภูมิใจไทยก็มีเท่านี้ มีปริมาณเท่าเดิม ขณะนี้สภายังไม่เปิด เรายังไม่ทราบว่าใครจะมาหรือใครจะไป เรายังทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีความกังวลหรือไม่ในช่วงนี้พรรคเพื่อไทยเจาะจงพรรคภูมิใจไทยเป็นพิเศษ อนุทินกล่าวว่า แสดงว่าอะไร แต่เราไม่เอา ใครก็ตามที่จะมาเจาะจง ทะเลาะเบาะแว้ง พรรคภูมิใจไทยอยู่กับร่องกับรอยเสมอ ไม่ไปเป็นคู่ขัดแย้งกับใคร เราต้องการทำงานให้กับบ้านเมืองและประชาชน เราไม่เชื่อว่าความขัดแย้งจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาใดๆ ได้ เราต้องทำให้บ้านเมืองสงบสุขและรักกัน ท่ีผ่านมาคนที่เป็นต้นเหตุของความขัดแย้ง ต่อให้เป็นผู้ชนะ แต่ได้รับความยั่งยืนหรือไม่ อยู่ได้ไหม ความขัดแย้งหายไปไหม นอกจากไม่หาย ยังทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอีก พรรคภูมิใจไทยพอแล้ว ไม่เอาความขัดแย้งแล้ว ไม่ทะเลาะ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น
อนุทินกล่าวอีกว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ทะเลาะกับใครไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ทำหน้าที่อย่างมืออาชีพ ใครทำอะไรก็ตรวจสอบไป ถ้าเป็นรัฐบาลก็ทำงานให้ดีที่สุด ไม่ใช่เอาความขัดแย้ง ไม่เอาความแตกต่างทางความคิด ไปหาเรื่อง ไปเพิ่มบทบาทให้แก่ตนเอง ประชาชนเองก็เบื่อที่ต้องเห็นคนที่อาสาเข้ามาทำงานการเมือง ทำงานให้กับประเทศ มาสร้างวาทกรรม สาดโคลนใส่กัน มันไม่เกิดประโยชน์อะไร ดังนั้นจะไม่ได้ยินความขัดแย้งจากพรรคภูมิใจไทยเด็ดขาด