รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเชื่อ เศรษฐกิจโลกจ่อถดถอยกระทบไทย ‘ไม่มาก’ มั่นใจท่องเที่ยวหนุนเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง เผยเตรียมร่วมประชุมประจำปีของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ โดยเน้นหารือประเด็นการบริหารเศรษฐกิจหลังยุคโควิด มาตรการช่วยเหลือในช่วงที่ราคาน้ำมันและอาหารเพิ่มสูงขึ้น และการติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก
วันนี้ (10 ตุลาคม) อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า ไทยจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ‘ไม่มาก’ ส่วนหนึ่งมาจากการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น พร้อมทั้งมองว่าช่วงฤดูหนาวในยุโรปจะเป็นโอกาสของท่องเที่ยวไทย เนื่องจากชาวยุโรปก็น่าจะหนีหนาวมา ทำให้เชื่อว่าเราจะประคับประคองเศรษฐกิจไปได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- กูรูชี้ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์กำลังเขย่าห่วงโซ่การผลิตโลก เตือนไทยมัวแต่เหยียบเรือสองแคม สุดท้ายอาจตกขบวน
- วิเคราะห์ 5 สัญญาณ บ่งชี้ เงินเฟ้อ โลกใกล้ถึงจุดพีค
- ต่างชาติแห่ปักหมุด ลงทุนเวียดนาม ยอด FDI พุ่งแซงไทยแบบไม่เห็นฝุ่น สัญญาณบ่งชี้ ไทยเริ่มไร้เสน่ห์?
นอกจากนี้ อาคมยังกล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจไม่เกิดขึ้นกับทุกประเทศ และไม่ใช่ทุกตลาดที่เป็นลูกค้าเราจะได้รับผลกระทบทั้งหมด เนื่องจากการท่องเที่ยวและการเดินทางทั่วโลกหยุดชะงักมากว่า 2 ปีแล้ว ขณะที่การจัดประชุมต่างๆ ก็น่าจะช่วยกระตุ้นการเดินทางและการใช้จ่ายในประเทศ
รัฐมนตรีคลังเปิดเผยอีกว่า จะเดินทางไปร่วมการประชุมประจำปีของธนาคารโลก (World Bank) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่กำลังจะมีขึ้นที่สหรัฐอเมริกา โดยการหารือในการประชุมครั้งนี้จะมุ่งเน้นเรื่องการบริหารเศรษฐกิจหลังโควิด, มาตรการช่วยเหลือในช่วงที่ราคาน้ำมันและอาหารเพิ่มสูงขึ้น และการติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก
พร้อมเปิดเผยว่า สำหรับประเด็นระยะยาว ทุกเวทีคงจะมีการพูดถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ สถานการณ์ราคาน้ำมัน ความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งล้วนเป็นประเด็นที่ธนาคารโลกและ IMF ให้ความสำคัญ และต้องการบอกกล่าวประเทศสมาชิกให้เตรียมการรับมือและให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มเปราะบาง
รัฐมนตรีคลังยังเชื่อมั่นว่าไทยจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่นโยบายการเงินและนโยบายการคลังก็มีการประสานกันอยู่เรื่อยๆ โดยธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลหลายปัจจัย รวมถึงให้ความมั่นใจกับการฟื้นตัวอย่างยั่งยืน
สำหรับมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายปลายปี อาคมกล่าวว่า ต้องคอยดูการประเมินดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจอีกที
ส่วนกรณีเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ พระราชกำหนดผ่อนผันให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป อาคมระบุว่า “ทางกองทุนต้องทำแผน รวมถึงบริหารเงินกองทุนให้ได้ประโยชน์มากที่สุด ผมไม่ได้หมายความว่าต้องใช้เงินทีเดียวทั้งหมด เพราะช่วงนี้ราคาน้ำมันลง แต่ดีเซลยังไม่ค่อยลงเท่าไร ฉะนั้นเงินกองทุนต้องบริหารเรื่องการเก็บเงินเข้ากองทุนบ้าง”