วันนี้ (16 กันยายน) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และ โภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย แถลงข่าวปลดล็อกความขัดแย้งกับพรรคไทยสร้างไทย
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ตนทำงานการเมืองมาจะครบ 31 ปีในเดือนมีนาคม 2566 ไม่เคยเห็นสมัยไหนที่คนจะทุกข์ยากเหมือนตอนนี้ เวลาลงพื้นที่เห็นคนมีปัญหา แม้ตั้งใจเกษียณอายุทางการเมืองตอนอายุ 60 ปี แต่พอเห็นความทุกข์ประชาชนก็ไม่อยากเอาสบายใส่ตัวแล้วปล่อยคนอื่นทุกข์ ตนและผู้อาวุโสที่มาร่วมมือกันจึงตัดสินใจร่วมกันตั้งพรรคให้เป็นสถาบันการเมืองเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง
“วันนี้เราขออาสาเป็นแนวหน้าที่จะรวมตัวกันเพื่อเปลี่ยนประเทศ ตนไม่หวังมีตำแหน่งแห่งหนอะไรแล้ว ความสำเร็จของงานก็ถือว่าได้ทำอะไรมาเยอะแล้ว จึงขออาสาใช้ประสบการณ์ 30 ปีที่รับใช้ประชาชนมา มาทำงานชิ้นสุดท้าย สร้างพรรคคนตัวเล็กที่คนส่วนใหญ่เป็นเจ้าของที่แท้จริงมาเปลี่ยนประเทศให้สำเร็จ” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวต่ออีกว่า แม้ตนไม่ต้องการตำแหน่ง แต่ที่ต้องมารำเชิดหน้ากลองยาวเพราะคนตัวเล็กที่มารวมกันยังไม่มีพลังเพียงพอ ตนจึงอาสารำเชิดหน้ากลองยาวก่อน เป็นเสาเข็มที่ชื่อว่าประเทศไทย ดึงคนเก่งคนดีเข้ามาเปลี่ยนประเทศให้ดีขึ้น วันนี้ทำงานชิ้นสุดท้ายเพื่อคนรุ่นต่อไป ขอย้ำว่าตนไม่ต้องการตำแหน่ง แต่ถ้าเราช่วยกันจนสำเร็จแล้วตนต้องไปทำงานเป็นผู้นำรัฐบาล ก็ขอทำแค่สมัยเดียว ไม่ต้องให้ใครมาตีความ
โดยตนขอทำเพื่อวางรากฐานให้พรรคไทยสร้างไทยและประเทศเพียงแค่สมัยเดียว “วันนี้ทุกคนต้องละความเห็นแก่ตัว มุ่งไปทางเดียวกันเพื่อสร้างประเทศให้ดีขึ้น ปัญหาใหญ่ที่ต้องปลดล็อกคือความขัดแย้งทางการเมือง ถ้าปลดล็อกตัวนี้ไม่ได้ก็ไม่มีทางนับหนึ่งเดินหน้าประเทศไทย” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
คุณหญิงสุดารัตน์ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า สิ่งที่จะปลดล็อกความขัดแย้งทางการเมือง 16 ปีที่ผ่านมา ประการแรก ต้องคืนอำนาจการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ประชาชน ซึ่งเราได้ร่างกฎหมายดังกล่าวไว้เรียบร้อยแล้วโดยไม่แตะหมวด 1 และหมวด 2 และระบุว่า ที่สำคัญจะระบุไว้ในร่างแก้ไขว่าการรัฐประหารถือเป็นการล้มล้างการปกครอง การฉีกรัฐธรรมนูญถือว่าเป็นกบฏ ต้องได้รับโทษสูงสุด
รวมถึงการให้พรรคการเมืองรับฟังความเห็นต่างด้วยเหตุผล ไม่สร้างความเกลียดชังเพิ่ม ไม่ใช้อำนาจรัฐอำนาจเงินในการเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม และนำไปสู่ความขัดแย้งอีก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การลงพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย ประกาศเป็นศัตรูกับพรรคที่อ้างเป็นพรรคพี่พรรคน้อง แต่ไม่ได้ระบุว่าชื่อพรรคอะไร แต่สังคมมองกันว่าหมายถึงพรรคไทยสร้างไทย คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า หากกล้าประกาศเป็นศัตรูก็ควรต้องระบุว่าเป็นพรรคไหน ที่สื่อถามว่าบางคนตีความว่าเป็นพรรคไทยสร้างไทยนั้น ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เราไม่มุ่งทะเลาะกับใคร เราก้าวข้ามเขาไปนานแล้ว และอโหสิกรรมไปแล้วสำหรับตัวเอง
“วันนี้อยากให้คิดบนโลกความเป็นจริง หากเราไปอ้างเขาแล้วเรามาสร้างพรรคใหม่เช่นนี้ใครจะเลือกเรา ปัญหาของเราคือให้คนรู้ว่าสุดารัตน์มาสร้างพรรคไทยสร้างไทยให้เป็นทางรอดและทางออกของประเทศ เราไม่ติดกับอดีต เราก้าวข้ามมาแล้ว ยืนยันไม่เป็นศัตรูกับใคร ถ้าเขาคิดเป็นศัตรูกับเราก็แล้วแต่เขา แต่เราไม่มองใครเป็นศัตรู โดยเฉพาะฝั่งประชาธิปไตยเหมือนกัน แค่นี้ยังไม่ชนะปืน ชนะเผด็จการเลย แล้วยังตีกันอีกเพื่อให้เผด็จการอยู่ต่อก็เชิญ คิดไปฝั่งเดียว เราไม่คิดอย่างนั้นแน่นอน” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวในที่สุด