วานนี้ (6 กันยายน) ลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรคนใหม่ ให้คำมั่นเร่งเดินหน้าแก้ไขวิกฤตพลังงานในการกล่าวสปีชครั้งแรกในฐานะผู้นำประเทศ เชื่อมั่นรัฐบาลชุดใหม่จะนำพาสหราชอาณาจักรก้าวข้ามความท้าทายต่างๆ ไปได้
โดยเธอกล่าวว่า รัฐบาลชุดใหม่จะจัดการกับปัญหาราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งสาเหตุสำคัญเกิดจากผลกระทบของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทั้งยังจะประกันคลังเชื้อเพลิงป้องกันภาวะขาดแคลนพลังงาน รวมถึงจะปฏิรูประบบสาธารณสุข และจัดสรรงบประมาณกว่า 1 แสนล้านปอนด์ เพื่อบรรเทาวิกฤตค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทรัสส์ระบุว่า “ฉันจะจัดการแก้ไขวิกฤตพลังงานที่เกิดขึ้นจากสงครามที่ วลาดิเมียร์ ปูติน เป็นคนก่อ ภายในสัปดาห์นี้ โดยจะจัดการค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและประกันคลังเชื้อเพลิงเพื่อตอบสนองและรองรับการใช้จ่ายในอนาคต
ฉันเชื่อมั่นว่าพวกเราจะสามารถก้าวข้ามปัญหาต่างๆ ไปได้ พวกเราสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสร้างสหราชอาณาจักรที่สวยงานและทันสมัยร่วมกันได้”
โดยหลายฝ่ายตั้งคำถามถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพของทรัสส์ นับตั้งแต่ที่มีกระแสข่าวว่า เธออาจจะจัดสรรแพ็กเกจบรรเทาวิกฤตค่าครองชีพมูลค่าหลายล้านปอนด์ ในขณะเดียวกันเธอก็ชูนโยบายลดการจัดเก็บภาษี หลายฝ่ายจึงมองว่า แผนการนี้ของเธออาจไม่ง่ายอย่างที่เธอคิด
หลังจากเข้ารับตำแหน่งได้เพียงไม่นาน ทรัสส์ก็เริ่มประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรีคนสำคัญในรัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของเธอ ไม่ว่าจะเป็น เธเรส คอฟฟีย์ นั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีสาธารณสุข, ควาซี กวาร์เต็ง นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีคลังคนใหม่, เจมส์ เคลเวอร์ลี กุมบังเหียนกระทรวงการต่างประเทศ นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีต่างประเทศต่อจากทรัสส์ รวมถึง ซูเอลลา บราเวอร์แมน 1 ใน 8 ผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้นำพรรคคอนเซอร์เวทีฟ และผู้นำคนใหม่ของสหราชอาณาจักรในปีนี้ นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีมหาดไทย และ เบน วอลเลซ นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหม เป็นต้น
ภาพ: Justin Tallis / AFP
อ้างอิง: