“จำวันนี้ของพวกคุณไว้ให้ดีนะ นี่เป็นหนึ่งคืนก่อนที่พวกคุณจะก้าวเข้าสู่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ไม่ว่าพวกคุณจะทำอะไรขอให้รู้ไว้ว่า ในชีวิตของคนคนหนึ่ง จะมีสักกี่คนที่มีโอกาสได้เข้าไปเล่นในรอบชิงชนะเลิศในการแข่งขันรายการกีฬาอะไรสักอย่าง ฉะนั้นจงทำมันให้ดีที่สุด และน่าจดจำที่สุด”
นี่เป็นเพียงคำพูดปลุกใจที่โค้ชสโมสรรักบี้ท้องถิ่นได้เดินทางมาบอกกับทีมรักบี้ชุด 2 ของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในประเทศนิวซีแลนด์ แต่ความทรงจำในครั้งนั้นยังคงติดใจเด็กน้อยที่ได้ลงแข่งขันจนมาถึงทุกวันนี้ ที่ได้กลายเป็นนักข่าวกีฬาอย่างเต็มตัวที่ THE STANDARD เพราะเชื่อมั่นในมนต์เสน่ห์ของการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ
การแข่งขันกีฬารอบชิงชนะเลิศไม่ว่าจะเป็นชนิดกีฬาอะไรก็ตาม ย่อมมีมนต์เสน่ห์ของมัน นักกีฬาที่ทุ่มเท เสียสละทั้งแรงกาย แรงใจ ฝึกซ้อมอย่างหนัก เพื่อให้ได้เป็นที่สุดของที่สุด หากคุณไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งทางสภาพร่างกายหรือจิตใจ การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศอาจไม่เหมาะสมกับคุณ
ที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ทั้งหมดก็เพื่อปูทางสู่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศที่ขึ้นชื่อว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง จนมีชื่อเรียกนัดชิงของตัวเองว่า ซูเปอร์โบวล์ ซึ่งการแข่งขันในวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ตามเวลาประเทศไทย เป็นการแข่งขันครั้งท่ี 52 และเป็นการโคจรมาพบกันระหว่าง นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ทีมที่มีทั้งโค้ชที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดในยุคนี้อย่าง บิล เบลิชิก และควอเตอร์แบ็กคู่บุญวัย 40 ปี ทอม เบรดี้ ซึ่งมีแหวนรางวัลแชมป์ซูเปอร์โบวล์ มาแล้วทั้งหมด 5 วง
กับคู่แข่งในปีนี้ ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ ทีมที่ดูจะเป็นรองจนนักกีฬาในทีมยอมเอาหัวสุนัขมาสวมให้สมกับชื่อ Underdog หลังจากที่สื่อหลายสำนักมองพวกเขาเป็นรองเกือบทุกด้าน
ความแตกต่างของทั้งสองทีมในซูเปอร์โบวล์ 52
บิล เบลิชิก และ ทอม เบรดี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นสองคู่หูที่ช่วยกันสร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ร่วมกัน โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ซูเปอร์โบวล์ปี 2008 จนถึงครั้งนี้ พวกเขาพานิวอิงแลนด์เข้าชิงทั้งหมด 4 ครั้ง และคว้าแชมป์ไปได้ทั้งหมด 2 ครั้ง
ขณะที่เมื่อเปรียบเทียบประสบการณ์กันแล้ว นิวอิงแลนด์มีนักกีฬาที่มีประสบการณ์ในการแข่งขันซูเปอร์โบวล์ทั้งหมด 32 คน ขณะที่ ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ มีนักกีฬาทั้งหมด 6 คนที่เคยลงสนามในการแข่งขันระดับนี้
เชื่อว่าหาก เบรดี้ กับ เบลิชิก สามารถพา นิวอิงแลนด์ คว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ได้อีกหนึ่งสมัย หลายๆ คนคงมีความรู้สึกไม่ต่างกับตอนที่ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ยอดนักเทนนิสชาวสวิสเซอร์แลนด์ที่คว้าแชมป์แกรนด์สแลมสมัยที่ 20 ได้สำเร็จเมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมาที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เพราะแชมป์นี้เป็นตัวเลขที่บ่งบอกสิ่งที่หลายคนเข้าใจตรงกันอยู่แล้วว่า นี่คือที่สุดของวงการกีฬาประเภทนั้นๆ และ ทำให้สถิติของพวกเขาดูไร้เทียมทาน และยากจะหาใครมาเปรียบเทียบได้
The Greatest
หากดูตามตัวเลขสถิติ ความยิ่งใหญ่ทั้งหมดก็อาจเดาได้ยากมากว่าทีมใดน่าจะเป็นฝ่ายคว้าถ้วยรางวัล วินซ์ ลอมบาร์ดี ไปชูอย่างยิ่งใหญ่ท่ามกลางพลุสายรุ้งกระดาษ สีน้ำเงินแดงขาว
แต่ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศทุกครั้งที่เรามักจะได้เห็นเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เหมือนเทปย้อนหลังซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ 51 ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากเวลาผ่านไป 3 ควอเตอร์ และนิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ตกเป็นฝ่ายไล่ตามหลังแอตแลนตา ฟอลคอนส์ อยู่ถึง 25 คะแนนที่ 3-28 ในเวลานั้นทุกคนเชื่อมั่นว่า แอตแลนตา ฟอลคอนส์ เตรียมก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์อย่างแน่นอนแล้ว
แต่ด้วยความเชื่อของ ทอม เบรดี้ ที่ทุ่มเทอย่างหนักเพื่อแม่เกลินน์ เบรดี้ ของเขา ซึ่งลงทุนเดินทางมาชมที่สนามทั้งท่ีกำลังอยู่ในช่วงรักษามะเร็งเต้านม
ในช่วงที่เบรดี้กำลังนั่งทำสมาธิอยู่ข้างสนามและทีมกำลังไล่ตามหลังอยู่นั้น จูเลียน เอเดลแมน ปีกคู่ใจของ ทอม เบรดี้ ได้เดินมาบอกกับเขาว่า
“เราไปคว้าแชมป์รายการนี้กันเถอะ เพื่อแม่ของคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ…เพื่อน”
คำพูดคำนั้นประกอบกับความมุ่งมั่นของเพื่อนร่วมทีมพาพวกเขากลับมาเสมอกันที่ 28-28 ก่อนจะพาทั้งสองทีมเข้าสู่ช่วงต่อเวลาครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของการแข่งขันซูเปอร์โบวล์
“พวกเขาทำสำเร็จ เป็นการกลับมาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของซูเปอร์โบวล์”
คือเสียงที่แแฟนกีฬาที่เฝ้าอยู่หน้าจอโทรทัศน์หรือจอโทรศัพท์ได้ยินเมื่อเสียงนกหวีดจบลง นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ คว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ ด้วยการเอาชนะ แอตแลนตา ฟอลคอนส์ ไป 34 ต่อ 28 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
“อธิบายความรู้สึกช่วงเวลานั้น ของคุณกับคุณแม่คุณหน่อยครับ” เป็นคำถามที่นักข่าวถามในห้องแถลงข่าวหลังจบการแข่งขัน
“เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากครับ เธอผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมา ยากลำบากกว่าพวกเราทุกคนผ่านมาในการแข่งขันเมื่อคืน” ควอเตอร์แบ็กเจ้าของแชมป์ซูเปอร์โบวล์ 5 สมัยได้ตอบความในใจกับสื่อมวลชน
โดยในรอบชิงแชมป์สายเบรดี้ก็ได้สร้างปรากฏการณ์คัมแบ็กพลิกกับมาชนะอีกครั้งด้วยการโชว์ฟอร์มเก่งขว้าง 2 ทัชดาวน์ในควอเตอร์สุดท้าย จนนิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ที่ตามหลังแจ็คสันวิลล์ จากัวร์ส อยู่ 10-14 หลังจบครึ่งแรกพลิกกลับมาชนะไปด้วยคะแนน 24-22 คว้าแชมป์สาย AFC สมัยที่ 10 และกลับเข้ามาลุ้นแชมป์ซูเปอร์โบวล์ได้อีกสมัย
ทอม เบรดี้ ถือว่าเป็นหนึ่งในนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนกีฬาของทีมนิวอิงแลนด์ หรืออเมริกันฟุตบอลหรือไม่
ด้วยวัย 40 ปีของเขาทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าเขาจะเล่นอยู่กับทีมอีกนานแค่ไหน เนื่องจากอายุที่มากขึ้น รวมถึงหากเขาสามารถคว้าแชมป์ในปีนี้ได้ นิวอิงแลนด์ จะทำสถิติแชมป์ซุปเปอร์โบวล์ 6 สมัยเทียบเท่าสถิติสูงสุดตลอดกาลของพิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส โดยหลายฝ่ายมีความกังวลว่า ไม่ว่าผลจะออกมาแพ้หรือชนะ นี่อาจเป็นฤดูกาลสุดท้ายที่ได้เห็นเบรดี้ในสีเสื้อของ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์
The Underdog
ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ ถูกหลายสื่อมองว่าเป็นรองทั้งโค้ช ดั๊ก ปีเตอร์สัน เฮดโค้ชของ อินทรีมรกต และนิค โฟลส์ ควอเตอร์แบ็กตัวสำรองที่ลงมาทำหน้าที่แทน คาร์สัน เวนท์ซ ควอเตอร์แบ็กตัวเก่งของฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ ได้รับบาดเจ็บที่เข่าจนต้องพักยาว ในเกมชิงแชมป์สาย NFC กับ มินเนโซต้า ไวกิงส์
แต่ผลปรากฏว่า นิค โฟลส์ ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยม ขว้าง 3 ทัชดาวน์จาก 352 หลา พาทีมเอาชนะไปได้ 38-7 เข้าชิงซูเปอร์โบวล์เป็นครั้งที่ 3 ต่อจากปี
ความกดดันที่ตามมาในครั้งนี้คือ ความเป็นรองที่ดูเหมือนไม่มีใครเชื่อมั่นในตัวพวกเขาเลยสักนิด ว่าจะสามารถล้มนิวอิงแลนด์และคว้าแชมป์ได้
แต่ โค้ช ดั๊ก ปีเตอร์สัน ดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ กับความรู้สึกนี้
“กี่ครั้งแล้วที่คุณพูดชื่อ เบลิชิก กับทีมงานของคุณในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา” ปีเตอร์ คิงส์ ได้สัมภาษณ์โค้ชดั๊ก ปีเตอร์สัน ในรายการ Monday Morning Quarterback
“ศูนย์ครั้งครับ ผมไม่ได้พูดเลย ผมรู้ว่าบิล ประสบความสำเร็จขนาดไหน และสื่อก็ได้ตอกย้ำมันอยู่ตลอด ผมไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก”
ดั้กได้เผยแท็กติกที่เขาเลือกจะใช้สำหรับเกมนี้เรียกว่า ศัตรูที่ไร้ตัวตน หรือ Faceless Opponent
“ใน NFL เก่งหมดทุกทีม ผมเชื่อว่าพวกเราต้องโฟกัสที่ทีมเราเอง คุณเตรียมพร้อมทุกสัปดาห์ คุณต้องมีความคิดแบบนั้น ทุกอย่างเกี่ยวกับหน้าที่ของคุณ นี่เป็นประโยคที่ บิล เบลิชิกใช้ตลอดเวลา ทำหน้าที่ของคุณให้ดี นี่แหละคือแผน Faceless Opponent”
“เราไม่ต้องห่วงหรอกว่าพวกเขามีใครในทีม ทำในสิ่งที่คุณถูกฝึกมาให้ทำ และมาดูกันว่าตลอด 60 นาทีจะเกิดอะไรขึ้น ด้วยการแข่งขันที่เรามีเท่ากันหมด เรื่องอื่นไม่เห็นสำคัญเลย”
ขณะที่ นิค โฟลส์ ควอเตอร์แบ็กคนที่เข้ามากอบกู้สถานการณ์ของทีมได้อย่างดีเยี่ยมจนพาทีมเข้าชิงซูเปอร์โบวล์ได้สำเร็จ ก็ยอมรับว่ายังไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับความรู้สึกในตอนนี้ เพราะว่าทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ผมไม่มีเวลาทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะนี่คือความฝันในวัยเด็กของผม”
“กีฬาทุกอย่างเป็นกระบวนการ และคุณไม่สามารถยอมแพ้ได้ เวลาพบกับสถานการณ์ที่ยากลำบากคุณอาจถูกจับผิด แต่ทุกคนในทีมเชื่อมั่นใจตัวผมหมด”
“คุณต้องทำงานหนักต่อไป คุณไม่สามารถที่จะมีวันที่ดีได้ตลอด แต่คุณไม่ควรที่จะรู้สึกแย่ คุณควรที่จะเรียนรู้จากทุกประสบการณ์ และหาวิธีรับมือเพื่อเดินหน้าต่อไป”
“นี่แหละคือสิ่งที่สวยงาม เมื่อคุณมองกลับมาที่การเดินทางของคุณ และคุณรู้ว่ามันไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีทั้งหมด มีช่วงเวลาที่ย่ำแย่ แต่คุณก็สามารถผ่านมันมาได้ด้วยความช่วยเหลือของผู้คนรอบข้างที่เชื่อมั่นและรักคุณ”
ซึ่งหาก นิค โฟลส์ สามารถพาทีม อีเกิลส์ คว้าแชมป์ซูเปอร์โบวล์ได้ในครั้งนี้ เขาจะกลายเป็น ควอเตอร์แบ็กสำรองคนที่สองต่อจาก ทอม เบรดี้ ที่เริ่มต้นฤดูกาลในฐานะตัวสำรอง และพาทีมคว้าถ้วยรางวัล ‘วินซ์ ลอมบาร์ดี’ ได้สำเร็จ
หากตัดตัวเลขสถิติออกไป แล้ววัดกันที่ความมุ่งมั่นของทั้งสองทีมแล้ว ไม่ว่าสุดท้ายแล้วแชมป์จะไปอยู่ที่ใคร เราก็เชื่อมั่นว่าผลการแข่งขันในซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ 52 ที่สนามยู.เอส.แบงก์ สเตเดียม ในมินนิโซตานี้จะเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการอเมริกันฟุตบอลอย่างแน่นอน
อ้างอิง:
- www.si.com/nfl/2018/01/29/doug-pederson-philadelphia-eagles-super-bowl-52-brett-favre-peter-king
- www.telegraph.co.uk/american-football/0/2018-super-bowl-lii-52nd-nfl-showpiece-time-does-start-halftime
- www.nfl.com/photoessays/0ap3000000912050
- www.nfl.com/news/story/0ap3000000911150/article/super-bowl-lii-glossary-every-term-you-need-to-know