ในเวลานี้ ธนิศร์ เจียรวนนท์ ผู้เป็นบุตรชายคนโตของ สุภกิต และ มาริษา เจียรวนนท์ ทำให้เขามีศักดิ์เป็นหลานปู่ของ ‘เจ้าสัวธนินท์’ มหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของไทย กำลังสร้างฝีมือในวงการธุรกิจ กับการขึ้นรั้งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หน่วยธุรกิจแม็คโคร ประเทศไทย
ธนิศร์จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด จากนั้นไปทำงานในตำแหน่งนักวิเคราะห์ให้กับธนาคาร UBS AG ในฮ่องกง 2 ปีครึ่ง และกลับมาทำงานในแผนกต่างประเทศ ดูแลด้านการขยายสาขาให้แม็คโครตั้งแต่ปี 2558 และได้รับโจทย์ที่ท้าทาย อย่างการขยายสาขาสู่ประเทศที่การทำธุรกิจค้าปลีกค้าส่งไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างอินเดีย
ภารกิจของเขาในขณะนั้น คือการศึกษาความเป็นไปได้ของการขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ ในเอเชีย จนในที่สุดธนิศร์ซึ่งนั่งในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ LOTS Wholesale Solutions ก็สร้างผลงานด้วยการขยายได้ถึง 3 สาขาในอินเดีย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เจ้าสัวธนินท์สั่งลุย! เครือ CP เตรียมประมูล ‘ห้างค้าส่ง Metro’ ในอินเดีย คาดดีลนี้มีมูลค่า 3.6-4.4 หมื่นล้านบาท เชื่อเข้ามาช่วยต่อจิ๊กซอว์ Makro
- ‘เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์’ รั้งอันดับ 137 ของ ‘อภิมหาเศรษฐีโลก’ ปี 2565 ด้วยความมั่งคั่ง 4.5 แสนล้านบาท ลดลงจากปีก่อนกว่า 1 แสนล้านบาท
- ส่องผลงาน 4 หุ้นในเครือเจ้าสัว ‘ธนินท์ เจียรวนนท์’
“ตอนไปทำที่อินเดีย ผมอายุประมาณ 27 ปี ต้องบอกว่าตลาดนี้มีความท้าทายมาก เพราะฝั่งที่เป็นการค้าปลีกแบบดั้งเดิมมีถึง 91% และฝั่งที่เป็นการค้าสมัยใหม่มีสัดส่วนเพียง 9% เป็นตลาดที่มีความซับซ้อน ต้องใช้เวลาศึกษา ทำความเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า”
ธนิศร์เล่าถึงภารกิจแห่งความท้าทายในตลาดค้าส่งในประเทศที่ถือว่าหินที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งตลอด 4 ปีในแดนภารตะ เขาทำงานอย่างหนัก สร้างบทพิสูจน์ในฐานะผู้นำองค์กร และสร้างผลงานทางธุรกิจได้ดี จนได้รับการเลื่อนขั้นกลับมารับตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หน่วยธุรกิจแม็คโคร ประเทศไทยในปีนี้
แต่ภารกิจในบ้านเกิดก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเขาต้องลงสนามแข่งขันในธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ที่ตลาดในเมืองไทยกำลังเป็นสมรภูมิที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือด
“สำหรับแม็คโคร เราอยู่ในธุรกิจนี้มานานกว่า 33 ปีในประเทศไทย ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราต้องพัฒนาและปรับเปลี่ยน ก้าวเข้าสู่ S-Curve ใหม่ เพื่อพัฒนาตัวเองไปสู่ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกแบบ Omni-Channel” ผู้เป็นหลานปู่ของ ‘เจ้าสัวธนินท์’ กล่าว
SCB EIC ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในปี 2565 จะกลับมาขยายตัวอยู่ที่ราว 11% คิดเป็นมูลค่า 3.45 ล้านล้านบาท จากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค การเพิ่มขึ้นของรายได้ภาคเกษตร และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ทำให้ภาพรวมธุรกิจค้าส่งค้าปลีกมีแนวโน้มเติบโต และเข้าสู่การฟื้นตัวเต็มรูปแบบ
ครึ่งปีแรก 2565 กลุ่มธุรกิจแม็คโครมีรายได้รวมทั้งสิ้น 229,680 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,623 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19.9% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจร้านอาหาร โรงแรมที่กลับมาฟื้นตัว ประกอบกับการเติบโตของยอดขายจากทั้งสาขาเดิม และการเปิดสาขาใหม่ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะแม็คโคร กัมพูชา ที่มีผลประกอบการเป็นบวกมาหลายไตรมาส
บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน ประเมินกำไรในปี 2565 ไว้ที่ 9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% คาดเริ่มเห็นรายจ่ายด้าน IT และการ Rebrand จะน้อยลง ผสานกับการเกิด Synergies ระหว่างธุรกิจค้าปลีกค้าส่งที่จะมีมากขึ้น ตามแผนที่ได้ตั้งเป้าประหยัดรายจ่ายกว่า 2.7 พันล้านบาทภายในปี 2566
ด้านบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า ประเมินว่า ปีนี้จะมีกำไร 8.7 พันล้านบาท โดยผลกระทบจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้น มีผลต่อต้นทุนราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ขณะที่บริษัทยังคงต้องเร่งทำการตลาดเพื่อรักษายอดขาย เนื่องจากกลุ่มลูกค้าอยู่ในระดับกลาง-ล่าง ทำให้การปรับเพิ่มของราคาขายเพื่อรองรับต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้นทำได้ไม่มากนัก
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP