กรณีสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) บุกเข้าค้นรีสอร์ต ‘มาร์อาลาโก (Mar-a-Lago)’ ซึ่งเป็นบ้านพักตากอากาศสุดหรูของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ตั้งอยู่ในเมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริดา เมื่อช่วงเย็นวันจันทร์ (8 สิงหาคม) ที่ผ่านมา กลายเป็นประเด็นใหญ่ที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า อาจเกี่ยวข้องกับการสืบสวนของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ซึ่งเชื่อมโยงกับกรณีที่สำนักหอจดหมายเหตุและบันทึกแห่งชาติของสหรัฐฯ (NARA) เปิดเผยเมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่า ทรัมป์ได้นำเอกสารรัฐบาลจำนวน 15 กล่อง ซึ่งรวมถึง ‘เอกสารลับด้านความมั่นคง’ กลับไปเก็บไว้ที่รีสอร์ตแห่งนี้ ภายหลังพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดี
โดยทรัมป์ ซึ่งไม่ได้อยู่ในรีสอร์ตระหว่างเกิดเหตุ แสดงความไม่พอใจและแถลงตอบโต้การกระทำของ FBI อย่างดุเดือดว่า เป็นการจงใจกลั่นแกล้งและดิสเครดิตเขาโดยฝีมือรัฐบาลพรรคเดโมแครต เพื่อหวังประโยชน์ทางการเมือง และสกัดกั้นเขาจากโอกาสในการลงชิงชัยการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความสงสัยแก่ชาวอเมริกันและทั่วโลก ว่าทำไม FBI จึงได้เข้าทำการตรวจค้นภายในรีสอร์ตส่วนตัวของอดีตผู้นำประเทศ และกำลังค้นหาหรือสืบสวนคดีอะไร ที่มีความสำคัญถึงขั้นสามารถขอให้ผู้พิพากษาอนุมัติการออกหมายค้นได้
FBI ทำอย่างไรถึงได้หมายค้น?
- เพื่อให้ได้รับการอนุมัติจากศาลสำหรับการเข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่สืบสวนของ FBI จะต้องนำเสนอคำให้การโดยละเอียดต่อผู้พิพากษา และระบุสาเหตุที่อาจเชื่อได้ว่า มีการก่ออาชญากรรมขึ้น และหลักฐานของอาชญากรรมนั้นยังคงอยู่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาในสถานที่ ซึ่ง FBI ต้องการขอหมายค้น
- หมายค้นจะถูกจัดเก็บไว้ภายใต้ตราประทับ ซึ่งหมายความว่ารายละเอียดของหมายค้นนั้นยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะในขณะนี้ (แม้ว่าจะสามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ในอนาคต) โดยในรายการจดทะเบียนคดีของศาลรัฐบาลกลาง ในเขตเวสต์ปาล์มบีช พบว่ามีรายการยื่นคำขอหมายค้นเพียงฉบับเดียวนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
- ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเปิดเผยต่อสำนักข่าว CNN ว่า ก่อนที่อัยการจะไปถึงจุดที่ขอให้ผู้พิพากษาศาลแขวงอนุมัติหมายค้น เพื่อที่จะเดินหน้าการค้นหาในลักษณะดังกล่าว ซึ่งมีนัยสำคัญทั้งทางประวัติศาสตร์และการเมือง เจ้าหน้าที่สืบสวนจะต้องได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของกระทรวงยุติธรรมเสียก่อน
- อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ หลายรายเผยกับ CNN ว่า อย่างน้อยที่สุดรองอัยการสูงสุดจะต้องให้ไฟเขียวในการขอหมายค้น ขณะที่รัฐมนตรียุติธรรมหรือผู้อำนวยการ FBI อาจได้รับการปรึกษาในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
“ไม่ใช่แค่เจ้าหน้าที่สืบสวนที่จะต้องเสนอ และไม่ใช่แค่อัยการในสายงานจะต้องเห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่ฝ่ายบริหารหลายชั้นจะต้องอนุมัติเรื่องนี้ ไปจนถึงระดับรัฐมนตรียุติธรรม” ดาเรน ไฟร์สโตน อดีตอัยการกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กล่าวกับ CNN
- อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้
FBI กำลังมองหาอะไร?
- ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระบุว่า ในการดำเนินขั้นตอนที่ไม่ธรรมดาในการขอหมายค้นบ้านของอดีตประธานาธิบดี เจ้าหน้าที่สืบสวนที่เสนอขอหมายค้น กำลังมองหาสิ่งที่มากกว่าเอกสารที่สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐฯ เก็บคืนมาจากรีสอร์ตมาร์อาลาโก
- โดยหลังจากที่สำนักหอจดหมายเหตุฯ เก็บเอกสารรัฐบาลจำนวน 15 กล่อง ซึ่งรวมถึงเอกสารลับด้านความมั่นคง แต่ความคืบหน้าในการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ กลับเงียบหายไปนับตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิ
- แอนดรูว์ แมคเคบ (Andrew McCabe) อดีตรองผู้อำนวยการ FBI ให้ข้อมูลต่อ CNN ว่า “ผมไม่เชื่อว่าทางกระทรวงจะดำเนินการในขั้นตอนที่สำคัญ เช่น การขอหมายค้นที่พักของอดีตประธานาธิบดี เพื่อข้อมูลที่พวกเขาได้กลับมาแล้ว มันต้องมีสิ่งที่น่าสงสัย ข้อกังวล และข้อมูลเฉพาะ ที่ทำให้พวกเขาเชื่อว่ายังมีอย่างอื่นอีกที่ไม่ได้ส่งคืน”
- ก่อนจะมีข่าวการบุกค้นรีสอร์ตของทรัมป์นั้น เรื่องของกฎหมายรัฐบัญญัติว่าด้วยบันทึกของประธานาธิบดี (The Presidential Records Act) ซึ่งเป็นกฎหมายคุ้มครองให้เอกสารในระหว่างดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นของสาธารณะ กำลังอยู่ในความสนใจของประชาชนอเมริกัน และมีการดำเนินการสอบสวนหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเอกสารทำเนียบขาวในยุคของทรัมป์
- โดยหมายค้นและการปรากฏตัวของ FBI นั้น ชี้ให้เห็นถึงการสืบสวนคดีอาญา ซึ่งนอกจากนี้ ยังมีกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บเอกสารหรือบันทึกรัฐบาล ซึ่งมีบทลงโทษในทางอาญา เช่น พ.ร.บ.จารกรรม แต่ ณ จุดนี้ ยังไม่ชัดเจนว่า กฎหมายอาญาฉบับใดที่เกี่ยวกับการสืบสวนของกระทรวงยุติธรรมในครั้งนี้
- สำหรับการทำลายหรือลบบันทึกของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หรือการจัดการเอกสารลับผิดพลาด ก็ถือเป็นอาชญากรรมเช่นกัน และรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ยังมีกฎหมายฉบับอื่นๆ ที่ใช้ป้องกันการปลอมแปลงข้อมูลในระหว่างการสืบสวน
- สิ่งที่น่าสังเกตุอีกอย่างคือ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ไม่มีการดำเนินคดีในทางแพ่งต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ในเรื่องวิธีการจัดการกับเอกสารรัฐบาล ในขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางกระทรวงได้ยื่นฟ้อง ปีเตอร์ นาวาร์โร (Peter Navarro) อดีตเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวของทรัมป์ โดยกล่าวหาว่า เขาละเมิดกฎหมายรัฐบัญญัติว่าด้วยบันทึกของประธานาธิบดี และขอให้ศาลบังคับให้เขาส่งมอบอีเมลจากบัญชีส่วนตัวที่เขาใช้ในระหว่างทำงานที่ทำเนียบขาว
ทำไมถึงเข้าค้นตอนนี้?
- การเข้าตรวจค้นรีสอร์ตมาร์อาลาโก เกิดขึ้นหลังมีการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่สืบสวนของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กับทีมทนายความของทรัมป์ที่รีสอร์ตเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ซึ่งไม่ปรากฏรายงานข่าว
- CNN รายงานว่าระหว่างการเยือนรีสอร์ต เจ้าหน้าที่สืบสวน 4 นาย รวมถึงหัวหน้าแผนกข่าวกรองและควบคุมการส่งออก ได้เยี่ยมชมห้องใต้ดินที่มีการจัดเก็บกล่องเอกสาร
- จากนั้น 5 วันต่อมา ทางทีมสืบสวนได้ส่งจดหมายไปยังทนายความของทรัมป์ เพื่อขอให้พวกเขารักษาความปลอดภัยห้องเก็บเอกสารต่อไป โดยขอให้เพิ่มแม่กุญแจล็อกห้อง
- ซึ่งการขอหมายค้นของ FBI ในอีก 2 เดือนต่อมา บ่งชี้เป็นนัยว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางอาจไม่พอใจกับสิ่งที่เห็นในระหว่างการไปเยือนรีสอร์ต หรือไม่มั่นใจในการให้ความร่วมมือจากฝ่ายทีมทนายของทรัมป์ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกฎหมายบางรายมองว่าเป็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางอาจต้องการให้ดำเนินการอย่างเป็นทางการเพื่อยึดเอกสารลับ
- แบรดลีย์ มอสส์ ทนายความด้านความมั่นคงของชาติ เผยต่อ CNN ว่า “ข้อเท็จจริงที่ FBI รู้ว่าทรัมป์ยังคงมีเอกสารอยู่ที่มาร์อาลาโกในเดือนมิถุนายน และรู้สึกว่าจำเป็นต้องกลับมาในอีกสองเดือนต่อมาพร้อมกับหมายค้น บอกกับผมว่า ทางหน่วยงานมีหลักฐานว่าทรัมป์และเจ้าหน้าที่ของเขาเก็บเอกสารบันทึกที่เป็นความลับอื่นๆ อยู่ และไม่ดำเนินการใดๆ เพื่อส่งคืนไปยังหอจดหมายเหตุฯ อย่างถูกต้อง”
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นอีก
- ยังคงไม่ชัดเจนว่าทำไมทีมทนายของทรัมป์นั้นไม่ทันระวังเรื่องการบุกเข้าค้นของ FBI และทีมทนายของทรัมป์โต้แย้งอะไรกับทางกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวกับการจัดการเอกสาร ในระหว่างประชุมกับทีมสืบสวนครั้งก่อน
- ซึ่งหลังจากนี้ ทรัมป์อาจใช้ขั้นตอนทางกฎหมายฟ้องร้องต่อศาลถึงวิธีการที่ FBI ดำเนินการบุกเข้าค้น โดยอาจจะมีเป้าหมายเพื่อกำจัดหลักฐานใดๆ ที่ทีมสืบสวนได้ไป หรืออย่างน้อยก็เพื่อพยายามหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่เจ้าหน้าที่กำลังสืบอยู่
- แต่หากไม่มีการฟ้องร้อง คาดว่าขั้นตอนต่อไปของการสืบสวน อาจดำเนินต่อไปอย่างลับๆ
แล้วทรัมป์ จะถูกห้ามชิงประธานาธิบดีหรือไม่ หากพบว่าละเมิดกฎหมายห้ามเคลื่อนย้ายเอกสารลับ?
- กฎหมายอีกฉบับที่อาจเกี่ยวข้องกับการเข้าค้นของ FBI คือกฎหมายที่ห้ามมิให้มีการปกปิด เคลื่อนย้าย หรือทำลายบันทึกของรัฐบาลโดยจงใจ โดยมีบทลงโทษจากการตัดสิทธิในการดำรงตำแหน่งใดๆ ภายใต้รัฐบาลสหรัฐฯ
- อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายคำถามที่เกี่ยวข้องกับการเห็นชอบตามรัฐธรรมนูญของกฎหมายดังกล่าว และการบังคับใช้กับทรัมป์ ในการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 หากเขาต้องถูกตัดสินว่าผิด เนื่องจากรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ กำหนดคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งประธานาธิบดี และกำหนดกระบวนการถอดถอนแยกต่างหากสำหรับการตัดสิทธิประธานาธิบดีจากการดำรงตำแหน่งในอนาคต
- ซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางคนโต้แย้งว่า สภาคองเกรสไม่มีอำนาจในการตรากฎหมายที่จะนำไปใช้กับผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
ภาพ: Photo by Scott Olson / Getty Images
อ้างอิง: