การอัปเกรด The Merge ของ Ethereum กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายน การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะทำให้ Ethereum ถูกปรับเปลี่ยนจากกลไก Proof-of-Work (PoW) ไปเป็น Proof-of-Stake (PoS) ซึ่งหมายความว่าเหล่านักขุดจะไม่สามารถขุดเหรียญ ETH ได้อีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ทำให้เหรียญ Ethereum Classic ได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากนักขุดบางส่วนไม่ต้องการเปลี่ยนไป Lock Stake เหรียญ ขณะที่เหรียญ ETC พุ่งขึ้นกว่า 140% ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของเครือข่าย Ethereum
การอัปเกรด The Merge ของ Ethereum นับเป็นการเปลี่ยนครั้งใหญ่ในปีนี้ของอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งหากเสร็จสมบูรณ์จะทำให้ Ethereum ถูกปรับเปลี่ยนจากกลไก Proof-of-Work (PoW) ไปเป็น Proof-of-Stake (PoS) ซึ่งหมายความว่าเหล่านักขุดจะไม่สามารถขุดเหรียญ ETH ได้อีกต่อไป แต่จะต้องซื้อเหรียญแล้วนำไป Lock Stake เหรียญแทน อย่างไรก็ตาม การอัปเกรดนี้จะทำให้เครือข่ายประหยัดพลังงานได้มากถึง 90% เลยทีเดียว
Ethereum Classic หรือโทเคน ETC เกิดจากการ Fork ของ Ethereum เรียกได้ว่าเป็น Ethereum รุ่นดั้งเดิมที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง และนี่คือสิ่งที่ทำให้ Ethereum Classic ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากเหล่านักขุดที่ไม่ต้องการเปลี่ยนไป Stake เหรียญ
ณ เวลา 01.00 น. ของวันนี้ (9 สิงหาคม) เหรียญ Ethereum Classic (ETC) ซื้อขายอยู่ที่ 38.01 ดอลลาร์ ราคาเพิ่มขึ้นมากกว่า 47% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา และพุ่งขึ้นกว่า 140% ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา
เหล่านักขุดอาจย้ายไปขุดเหรียญ ETC แทน ETH
เหรียญ Ethereum Classic ได้รับความสนใจสูงขึ้นอย่างมาก เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา AntPool ซึ่งเป็น Pool ขุดคริปโต ได้เปิดเผยว่าบริษัทลงทุนจำนวน 10 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนระบบนิเวศของ Ethereum Classic อีกด้วย
ข้อมูลจาก Messari เปิดเผยว่า การอัปเกรด The Merge ของ Ethereum จะทำให้นักขุดไม่สามารถขุด ETH ได้ และต้องเปลี่ยนไปขุด ETC แทน แม้จะดูเหมือนเป็นโอกาสในการทำกำไร แต่หากนักขุดย้ายไปยัง ETC ความยากในการขุดก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก และทำให้นักขุดจำนวนมากไม่ได้ผลกำไร
นอกจากนี้ราคาที่พุ่งสูงขึ้นไม่ได้หมายความว่าเครือข่ายจะมีการเติบโตในระยะยาว โดย Messari เผยว่าจำนวนที่อยู่ที่มีการใช้งาน (Active Addresses) ของ Ethereum Classic นั้นมีจำนวนไม่ถึงครึ่งของ Cardano ด้วยซ้ำ และปริมาณธุรกรรมไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่ปี 2018
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
อ้างอิง: