วันนี้ (22 กรกฎาคม) จิรายุ ห่วงทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงมหากาพย์การปล้นชาติ กินเมือง ที่ไม่เคยเกิดขึ้น ในสภาผู้แทนราษฎรและในคณะรัฐมนตรี เริ่มจากนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ปลัดกระทรวง และอธิบดี สวาปา หรือศัพท์วัยรุ่นเรียกว่า แหลก กินทั้งดิน น้ำ ลม ไฟ โดยนายกรัฐมนตรีปล่อยให้พวกพ้องบุคคลแวดล้อมทุจริตประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีพยายามกระทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สำหรับมหากาพย์ดิน จิรายุได้ยกตัวอย่างคดีของ จุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรื่อง การทุจริตโครงการเคหะสุขประชาร่มเกล้า ว่าตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน ได้เรียกสอบประเด็นนี้แล้วอยู่หลายครั้ง พร้อมทักท้วงผ่านไปยังแม่เลี้ยง ชื่อย่อ ‘ต.’ จากพรรคประชาธิปัตย์ และยื่นขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบแล้ว พร้อมขอให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบรัฐมนตรีจุติ แต่เมื่อมีคณะกรรมการสอบสวน กลับมี จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นหัวหน้าสอบรัฐมนตรีจุติ จนท้ายที่สุดได้ขอให้ รังสิมา รอดรัศมี ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการสวัสดิการสังคม ซึ่งเป็นกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องโดยตรงทำการตรวจสอบ
สำหรับมหากาพย์น้ำ มีการตั้ง พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ซึ่งหาก พล.อ. ประวิตรมีความซื่อสัตย์สุจริตจริงต้องไม่ปล่อยให้บุคคลรอบตัวกลายเป็นไอ้ห้อย ไอ้โหน มาทำเช่นนี้ เช่น การนำเงินกองทุนพัฒนาน้ำดื่มบาดาล มาจัดทำน้ำดื่มบาดาลเพื่อส่งมอบไปยังจังหวัดต่างๆ เช่น ที่จังหวัดสุพรรณบุรี 1.4 ล้านขวด จังหวัดนครราชสีมา 2 แสนขวด จึงสงสัยได้ว่าการจัดการน้ำดื่มบาดาลไปยังจังหวัดจังหวัดดังกล่าวมาจากมี ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งเมื่อประเด็นดังกล่าวถูกหยิบยกมาอภิปรายไม่วางใจในครั้งที่ผ่านมาทำให้โครงการดังกล่าวยุติลง แต่ไม่นานโครงการดังกล่าวก็กลับมาและฉ้อฉลมากขึ้น แต่มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดเพียงเล็กน้อย โดยใช้งบประมาณร่วม 33 ล้านบาท
นอกจากนั้นจิรายุยังกล่าวถึงโครงการจัดซื้อจัดจ้างปีงบประมาณ 2566 กว่า 1.8 พันล้านบาท ว่ามีการดำเนินงานจัดซื้อจัดจ้างที่รวดเร็วผิดปกติ เปรียบเสมือนว่ารัฐบาลจะรีบยุบสภา หรือรีบนำงบประมาณไปใช้อย่างอื่น เนื่องจากสภาผู้แทนราษฎรยังอยู่ระหว่างการพิจารณางบประมาณประจำปี 2566 ที่ยังไม่ผ่านวาระ 2-3 โครงการ 1.8 พันล้านบาท คาดว่าจะจัดซื้อจัดจ้างได้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้
สำหรับมหากาพย์ลมและไฟที่มีราคาแพงส่วนหนึ่งไม่ได้มาจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน แต่เพราะมีคนโง่และคนได้ประโยชน์ การที่น้ำมันและไฟแพงเป็นเพราะรัฐบาลบริหารโหลยโท่ย มีคนบริหารราชการแผ่นดินที่ถูกต้องและพยายามโทษดินน้ำลมไฟ
ระหว่างที่จิรายุได้อภิปรายถึงวันนี้ที่นายกรัฐมนตรีขอความร่วมมือให้ประชาชนร่วมประหยัดพลังงานนั้น ได้หยิบพัดขึ้นมาแจกเพื่อน ส.ส. พรรคเพื่อไทย เช่น วัน อยู่บำรุง, วิสาร เตชะธีราวัฒน์ พัดเพื่อดับร้อน และได้หยิบวิธีประหยัดพลังงานที่นายกรัฐมนตรีบอกประชาชน คือเตาอั้งโล่มหาเศรษฐีใช้แล้วดีมีแล้วรวย ที่มีสัญลักษณ์ เบอร์ 5 ที่สนับสนุนโดยกระทรวงพลังงาน
ส่วนกรณีที่จะขอลดค่ากลั่นและจะใช้เป็นตัวเลือกสุดท้ายนั้นก็ยังหลอกประชาชน เพราะไม่ได้เจรจาจริง ทำให้น้ำมันแพงขึ้นทุกวันๆ และยังไม่ลดค่าการตลาดลงอยู่ที่ 1.40 สตางค์ แต่พบว่าค่าการตลาดอยู่ที่ 1.76-4.75 สตางค์ ขณะที่บริษัทไทยออยล์เพิ่มกำลังการผลิตจากเดิม 2.8 แสนบาร์เรลต่อวัน แล้วเพิ่มอีก 1.2 แสนบาร์เรลต่อวัน เพื่อการส่งออกแต่ไม่ได้ขายในประเทศเพราะได้กำไรดีกว่า