×

SCB CIO คาดเงินเฟ้อใกล้ถึงจุดพีค หลังราคาสินค้าโภคภัณฑ์ชะลอตัวลง แนะรอความชัดเจนผลประกอบการไตรมาส 2 ก่อนลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง

19.07.2022
  • LOADING...
SCB CIO

SCB CIO คาดการชะลอตัวลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์เป็นสัญญาณว่าเงินเฟ้อใกล้ผ่านจุดสูงสุด แต่การลดลงของเงินเฟ้ออาจลดลงไม่เร็วและยังอยู่ในระดับสูง ทำให้การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางหลักยังเป็นแบบเร็วและแรงต่อไปในช่วงครึ่งหลังของปี ขณะที่ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยเริ่มขยับสูงขึ้น แนะรอความชัดเจนจากผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ซึ่งจะสะท้อนว่าบริษัทจดทะเบียนปรับตัวได้มากน้อยแค่ไหนจากผลกระทบเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้นก่อนลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

 

กำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส และหัวหน้าทีม SCB Chief Investment Office (SCB CIO) ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า การชะลอตัวลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทำให้เริ่มเห็นสัญญาณเงินเฟ้อใกล้ผ่านจุดสูงสุด แต่ทิศทางดอกเบี้ยในปีนี้ยังเป็นขาขึ้น ความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรชะลอตัวลง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะสินค้าที่ไม่ได้มีความตึงตัวทางอุปทาน เช่น ทองแดงและนิกเกิล มีราคาลดลงมาก

 

ทั้งนี้ การชะลอตัวลงของราคาพลังงานและอาหารส่งผลให้ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อโดยเฉพาะในสหรัฐฯ ใกล้ผ่านจุดสูงสุด แต่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ธนาคารกลางหลัก เช่น ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังคงส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงในปีนี้

 

สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามในช่วงหลังจากนี้คือสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยในปี 2023 โดยตัวเลขในสหรัฐฯ และยุโรป เริ่มส่งสัญญาณเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง หลังตลาดหุ้นทั่วโลกได้มีการ Derating ลงมาค่อนข้างมาก แต่ยังต้องรอความชัดเจนจากผลประกอบการไตรมาสที่ 2 และการปรับคาดการณ์ผลประกอบการในครึ่งหลังของปี ผลประกอบการในไตรมาส 2 จะเป็นตัวบ่งชี้ว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหนจากภาวะเงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยขาขึ้น และเศรษฐกิจชะลอตัว

 

โดยล่าสุดการปรับคาดการณ์ผลประกอบการในสหรัฐฯ และยุโรปที่ดีขึ้นล่าสุดมาจากกลุ่มพลังงาน ในขณะที่ผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจอื่นถูกปรับลดลง นอกจากนี้ SCB CIO เชื่อว่าความกังวลต่อเศรษฐกิจถดถอยที่สูงขึ้นจะเข้ามากดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว ทำให้การขยับขึ้นหลังจากนี้เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้น แต่การขยับขึ้นที่เร็วกว่าของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นตามการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายจะส่งผลให้ภาะวะ Inverted Yield Curve อยู่เป็นระยะในช่วงครึ่งหลังของปี

 

กำพลกล่าวต่อไปว่า กลยุทธ์การจัดพอร์ตการลงทุน (Asset Allocation Portfolio) ของ SCB CIO แนะนำให้ถือเงินสดใน Portfolio สัดส่วนประมาณ 5-10% ในช่วงที่ตลาดรอความชัดเจนจากผลประกอบการไตรมาส 2 และทิศทางดอกเบี้ยปี 2023 พร้อมทยอยสะสมพันธบัตร Investment Grade เพื่อสร้างกระแสรายได้ให้กับ Portfolio สัดส่วน 20-30%

 

โดย SCB CIO มีมุมมองเป็นกลาง (Neutral) สำหรับการลงทุนในหุ้นโดยรวมในกลุ่มตลาดหุ้น Developed Market (DM) มีมุมมอง Neutral ต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพื่อรอความชัดเจนจากผลกระทบเงินเฟ้อและเศรษฐกิจชะลอตัวที่จะมีต่อผลประกอบการในระยะข้างหน้า แต่คงมุมมองหุ้นยุโรปเป็นลบเล็กน้อย (Slightly Negative) จากผลกระทบยืดเยื้อของสงครามรัสเซีย-ยูเครน และการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป

 

สำหรับกลุ่มตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ Emerging Markets (EM) ยังคงมุมมองเป็นบวกเล็กน้อย (Slightly Positive) ต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีน A-Share หลังมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แม้เริ่มมีตัวเลขผู้ติดเชื้อมากขึ้น แต่เชื่อว่าการปิดเมืองข้างหน้าจะเป็นแบบเฉพาะเจาะจงเพื่อควบคุมผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

 

ขณะที่หุ้นไทยและเวียดนามยังมีมุมมองที่ Slightly Positive โดยเชื่อว่าการเปิดเมืองของทั้ง 2 ประเทศ จะทำให้เศรษฐกิจและผลประกอบการฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี โดยตลาดหุ้นทั้งสองประเทศมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา นับเป็นโอกาสที่ดีในการทยอยสะสมเข้าพอร์ต โดยมองว่าการขึ้นดอกเบี้ยในทั้งสองประเทศจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ในส่วนของไทยมีโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับดอกเบี้ยขึ้นครั้งละ 0.25% ใน 3 การประชุมที่เหลือของปี

 

นอกจากนี้ SCB CIO ยังคงแนะนำให้มีสินค้าโภคภัณฑ์ประมาณ 4-6% ของ Portfolio เพื่อเป็นการจัดการความเสี่ยงเงินเฟ้อ โดยเน้นที่น้ำมันซึ่งยังมีความตึงตัวของอุปทาน รวมถึงอุปสงค์น้ำมันโลกในช่วงครึ่งหลังของปียังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นจากการเปิดเมืองเปิดประเทศโดยเฉพาะในเอเชีย

 

อย่างไรก็ตาม ได้ปรับสินค้าโภคภัณฑ์ลงเป็น Slightly Positive เพื่อสะท้อนความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่จะมีผลต่ออุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยผลกระทบจะมีค่อนข้างมากสำหรับสินค้าที่ไม่ได้มีความตึงตัวในอุปทานในระยะข้างหน้า เช่น ทองแดง สำหรับลูกค้า HNW และ UHNW การมีสินทรัพย์ทางเลือก Alternative Assets เช่น หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง หรือ Structure Note และสินทรัพย์นอกตลาด Private Asset อยู่ใน Portfolio จะช่วยสร้างกระแสรายได้และลดความผันผวนของ Portfolio ได้

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X