วานนี้ (18 กรกฎาคม) รานิล วิกรมสิงเห อดีตนายกรัฐมนตรีศรีลังกา ซึ่งขณะนี้ตั้งตนดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดี ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ เพื่อควบคุมการประท้วงของประชาชนที่ยังคงคุกรุ่น และรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 70 ปี ก่อนที่รัฐสภาจะลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ในวันพุธที่ 20 กรกฎาคมนี้
แถลงการณ์จากรัฐบาลที่ออกมาเมื่อช่วงเย็นวานนี้ ระบุว่า “ถือเป็นการสมควรที่ต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อความมั่นคงต่อสาธารณะ เพื่อปกป้องความสงบเรียบร้อยของประชาชน และเพื่อดูแลห่วงโซ่อุปทานและบริการที่จำเป็นต่อชีวิตของประชาชน”
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา วิกรมสิงเหเคยได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไปแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากที่อดีตประธานาธิบโกตาบายา ราชปักษา แอบหนีออกนอกประเทศท่ามกลางการประท้วงที่ดุเดือดของประชาชน ซึ่งบุกเข้ายึดบ้านพักของประธานาธิบดี และประกาศปักหลักกดดันให้ราชปักษาลาออกจากตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม สื่อต่างประเทศรายงานว่า ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาถูกเพิกถอนไปแล้ว หรือวิกรมสิงเหต้องการออกคำสั่งใหม่อีกครั้งในฐานะรักษาการประธานาธิบดีเต็มตัว เนื่องจากโฆษกของวิกรมสิงเหเองก็ไม่ได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับประเด็นนี้
ขณะเดียวกัน รัฐบาลศรีลังกาก็ยังไม่ได้ประกาศบทบัญญัติทางกฎหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับคำสั่งล่าสุด แต่ภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งที่ผ่านๆ มา รัฐบาลได้ส่งกำลังทหารเข้าจับกุมตัวและคุมขังผู้ประท้วง รวมถึงตรวจค้นที่พักส่วนตัว และเข้าสลายการประท้วงในที่สาธารณะ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น ในขณะที่รัฐสภาศรีลังกาเตรียมลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ โดยวิกรมสิงเหเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ลงสมัครชิงเก้าอี้ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย
ด้าน มหินทา ยาปา อเบวาร์เดนา (Mahinda Yapa Abeywardena) โฆษกรัฐสภากล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะดำเนินการด้วยความฉับไวและโปร่งใส พร้อมวอนขอให้ประชาชนร่วมกันสร้างบรรยากาศที่สงบเรียบร้อย เพื่อให้กระบวนการเลือกตั้งผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่ถึงเช่นนั้น หากวิกรมสิงเหได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ ก็คาดว่าศรีลังกาจะเกิดการประท้วงเดือดขึ้นอีกระลอก เนื่องจากกลุ่มผู้ประท้วงไม่ต้องการให้วิกรมสิงเหมีบทบาทในการเป็นผู้นำประเทศอีกต่อไป
แฟ้มภาพ: ISHARA S. KODIKARA / AFP
อ้างอิง:
