สำนักงานอุตุนิยมวิทยาอังกฤษ (Met Office) เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้อุณหภูมิของประเทศมีแนวโน้มทะยานแตะ 41 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่สูงสุดเท่าที่เคยบันทึกมาในประวัติศาสตร์ โดยทางการได้ประกาศเตือนภัยความร้อนสูงสุดที่ระดับ ‘สีแดง’ ในหลายภูมิภาคทั่วประเทศในวันนี้และวันอังคาร (18-19 กรกฎาคม) ครอบคลุมตั้งแต่กรุงลอนดอนและพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ไปจนถึงเมืองยอร์กและเมืองแมนเชสเตอร์
กรุงลอนดอนของอังกฤษจ่อขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงสุดของโลกในวันนี้ โดยอุณหภูมิทะยานเหนือทะเลทรายซาฮาราตะวันตกและแคริบเบียน ซึ่งระดับความร้อนดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อทั้งมนุษย์และสิ่งปลูกสร้าง ขณะรัฐบาลออกประกาศเตือนให้ทุกภาคส่วนปรับเปลี่ยนรูปแบบการปฏิบัติงานและกิจวัตรประจำวัน เพื่อเลี่ยงไม่ให้ประชาชนอยู่ภายใต้อุณหภูมิที่ร้อนจัดจนเกินไป ขณะโรงเรียนหลายแห่งวางแผนปิดทำการเร็วขึ้น หรืออาจประกาศให้เป็นวันหยุดชั่วคราว เพื่อเลี่ยงไม่ให้เด็กๆ ต้องเผชิญกับสภาพอากาศดังกล่าว แม้รัฐบาลจะออกข้อปฏิบัติสำหรับการเปิดโรงเรียนอย่างปลอดภัยก็ตาม
ด้าน Network Rail บริษัทผู้ให้บริการรถไฟเอกชนของอังกฤษ ได้ออกคำเตือนว่า ประชาชนควรเดินทางเท่าที่จำเป็นในวันนี้และวันพรุ่งนี้ โดยมีประกาศยกเลิกการเดินทางบางเส้นทางด้วย ขณะบริษัท London and North Eastern Railway (LNER) ประกาศงดให้บริการเส้นทางระหว่างกรุงลอนดอน เมืองลีดส์ และเมืองยอร์ก หลายเที่ยวในวันพรุ่งนี้
ขณะเดียวกัน สำนักงานความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งอังกฤษ (UK Health Security Agency) ออกประกาศเตือนระดับ 4 ซึ่งรัฐบาลถือว่าเป็น ‘ภาวะฉุกเฉินระดับชาติ’ โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อังกฤษได้จัดการประชุมฉุกเฉิน COBRA ขึ้น เพื่อเปิดเวทีให้รัฐมนตรีจากกระทรวงต่างๆ ได้หารือเกี่ยวกับการรับมือวิกฤตการณ์จากคลื่นความร้อนที่แผ่ปกคลุมทั่วประเทศ ซึ่ง สตีฟ บาร์เคลย์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า อังกฤษจะเพิ่มความจุของรถพยาบาล รวมถึงเพิ่มพนักงานรับแจ้งเหตุฉุกเฉินผ่านทางโทรศัพท์ด้วย
อนึ่ง การประกาศในวันนี้ถือเป็นครั้งแรกที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาอังกฤษได้ออกคำเตือนระดับสีแดง นับตั้งแต่ที่เริ่มใช้ระบบการเตือนภัยความร้อนดังกล่าวเมื่อปีที่ผ่านมา โดยก่อนนี้ สถิติความร้อนสูงสุดของอังกฤษอยู่ที่ 38.7 องศาเซลเซียสในเมืองเคมบริดจ์ เมื่อปี 2019 ขณะผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หากรัฐบาลอังกฤษยังเพิกเฉยไม่ยอมออกมาตรการเพื่อรับมือกับปัญหาบ้านของประชาชนที่มีอุณหภูมิสูงจัดอย่างจริงจัง อาจส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนพุ่งขึ้นถึง 3 เท่าตัวในช่วง 10 ปีข้างหน้า และหากย้อนดูสถิติในปี 2020 คลื่นความร้อนได้คร่าชีวิตผู้คนมากถึง 2,000 คนเฉพาะในอังกฤษ
แฟ้มภาพ: Rasid Necati Aslim / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: