Nomura Holdings เผยแพร่บทวิจัยที่ทำนายว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักของโลก ไล่มาตั้งแต่ สหรัฐอเมริกา, สหภาพยุโรป, สหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย และแคนาดา จะเข้าสู่ภาวะถดถอยภายใน 12 เดือนข้างหน้า จากการที่ประเทศเหล่านี้เร่งดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัวเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ
“ความพยายามควบคุมเงินเฟ้อเพื่อกอบกู้ความน่าเชื่อถือของตัวเองของธนาคารกลางในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก อาจนำไปสู่ความผิดพลาด เช่น การดำเนินนโยบายการเงินที่ตึงตัวมากเกินไป” Rob Subbaraman และ Si Ying Toh สองนักเศรษฐศาสตร์ที่อยู่ในทีมวิจัย ระบุ
รายงานของ Nomura ยังระบุอีกว่า ขณะนี้เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ภาวะที่เติบโตในอัตราที่ช้าลง ทำให้หลายประเทศไม่สามารถพึ่งพาการส่งออกเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตได้ ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่นำไปสู่ภาวะถดถอยของหลายประเทศในที่สุด
อย่างไรก็ดี ความรุนแรงของการถดถอยของแต่ละประเทศจะไม่เท่าเทียม ในกรณีของสหรัฐฯ การถดถอยจะเป็นแบบตื้นแต่ลากยาว อาจกินเวลาราว 5 ไตรมาส เริ่มจากไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ขณะที่ในกรณีของ EU การถดถอยอาจลึกกว่ามาก หากรัสเซียตัดการส่งพลังงานให้กับยุโรป โดย Nomura คาดว่าเศรษฐกิจของทั้งสหรัฐฯ และยูโรโซนจะหดตัวลง 1% ในปีหน้า
สำหรับกลุ่มประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเล็กลงมา เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา และเกาหลีใต้ Nomura ประเมินว่า มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้จะถดถอยรุนแรงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ หากการปรับขึ้นดอกเบี้ยไปจุดชนวนวิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์
บทวิจัยของ Nomura เชื่อว่า ญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่เผชิญกับการถดถอยเบาที่สุด เมื่อพิจารณาจากการเปิดประเทศที่ล่าช้ากว่าชาติอื่นๆ และนโยบายการเงินที่ยังผ่อนคลายอยู่ ส่วนจีนจะรอดพ้นจากการถดถอยจากการดำเนินนโยบายที่เอื้อต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แม้ว่าความเสี่ยงที่จะเกิดการล็อกดาวน์ตามนโยบาย Zero-COVID อีกครั้งจะยังมีอยู่ก็ตาม
อ้างอิง: