วันนี้ (21 มิถุนายน) วรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการบริหาร แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า จากประกาศที่บริษัทฯ ได้ส่งถึงพาร์ตเนอร์คนขับผู้ให้บริการ GrabBike (Win) เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา และได้กลายเป็นประเด็นที่กำลังถูกพูดถึงอย่างมากในโลกโซเชียลมีเดีย เนื่องจากส่งผลกระทบต่อกลุ่มพาร์ตเนอร์คนขับหลายหมื่นคนที่จะต้องขาดรายได้ในการเลี้ยงชีพ รวมไปถึงผู้โดยสารที่ใช้บริการดังกล่าวอยู่นับแสนราย
โดยบริษัทมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบของบริการเรียกรถจักรยานยนต์รับจ้างผ่านแอปพลิเคชัน หรือ GrabBike (Win) ให้เป็นไปตามคำสั่งล่าสุดของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งกำหนดให้คนขับที่จะสามารถให้บริการดังกล่าวได้ต้องเป็นผู้ที่มีใบขับขี่สาธารณะและจดทะเบียนเป็นรถจักรยานยนต์สาธารณะ (ป้ายเหลือง) หรือเรียกได้ว่ามีแต่วินมอเตอร์ไซค์เท่านั้น โดยจะสามารถรับงานได้เฉพาะในเขตที่ลงทะเบียนไว้กับกรมการขนส่งทางบก (ห้ามรับข้ามเขต) และต้องคิดค่าโดยสารในอัตราเดียวกับวินมอเตอร์ไซค์ตามที่กรมขนส่งทางบกกำหนด โดยบริษัทจะต้องนำพาร์ตเนอร์คนขับที่ใช้รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมาให้บริการออกจากระบบภายในระยะเวลา 30 วัน (นับจากวันที่ 16 มิถุนายน 2565) โดยจะให้บริการดังกล่าวถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2565 เป็นวันสุดท้าย
จากคำสั่งดังกล่าว หากหน่วยงานภาครัฐไม่เข้ามาดูแลเพื่อหาแนวทางเยียวยา ย่อมจะส่งผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนให้กับพาร์ตเนอร์คนขับหลายหมื่นคนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งจะต้องขาดรายได้ในการเลี้ยงดูครอบครัวทันที ทั้งยังจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังผู้ใช้บริการนับแสนรายที่ถูกตัดทางเลือกในการใช้บริการ ไม่สามารถเรียกใช้บริการ GrabBike (Win) ในรูปแบบเดิมได้อีกต่อไป โดยล่าสุดบริษัทได้เห็นกลุ่มผู้ใช้บริการเริ่มออกมาทำแคมเปญเพื่อล่ารายชื่อทวงคืน GrabBike (Win) ผ่าน change.org ซึ่งสะท้อนถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
ซึ่งในขั้นตอนต่อไป บริษัทได้ขอเข้าพบกับกรมการขนส่งทางบก ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลรับผิดชอบในประเด็นนี้ในช่วงสัปดาห์นี้ เพื่อขอให้พิจารณากำหนดแนวทางรองรับเพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบให้ชัดเจน รวมถึงระยะเวลาในการดำเนินการที่เหมาะสม โดยบริษัทพร้อมให้ความช่วยเหลือพาร์ตเนอร์คนขับอย่างเต็มที่ในทุกขั้นตอนต่อไป