แบกรับต้นทุนไม่ไหวแล้ว! Mazda และ Mitsubishi Motors จะ ‘ขึ้นราคารถยนต์’ ในญี่ปุ่น

รถยนต์ Mazda และ Mitsubishi Motors ในญี่ปุ่นจะมีราคาสูงขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ขนาดกลางเริ่มส่งต่อต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น และปรับตัวให้เข้ากับค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง

Mazda จะขึ้นราคาสำหรับรถสองรุ่น รวมถึง Mazda3 ประมาณ 3% ส่วนการปรับราคาขึ้นของ Mitsubishi Motors จะเพิ่มขึ้น 3% และจะนำไปใช้กับรถ SUV เป็นหลัก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Nikkei Asia ระบุว่า ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นมักจะขึ้นราคาก็ต่อเมื่อพวกเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงรูปแบบภายใน ภายนอก เครื่องยนต์ หรือคุณลักษณะอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ

แต่เนื่องจากผู้เล่นขนาดกลางอย่าง Mazda และ Mitsubishi Motors มีความแข็งแกร่งน้อยกว่าคู่แข่งรายใหญ่ ราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อรายได้ของพวกเขา

“ราคาของวัสดุแบตเตอรี่สูงขึ้นมากจนเราทนไม่ไหวแล้ว” บุคคลที่คุ้นเคยกับเรื่องนี้ที่ Mitsubishi Motors กล่าว “นี่เป็นทางเลือกที่ยาก”

ในญี่ปุ่นแนวคิดเรื่องภาวะเงินฝืดยังคงหยั่งรากลึก และการแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ 8 รายของประเทศทำให้การขึ้นราคารถยนต์ทำได้ยาก

แม้ว่าการปรับขึ้นราคาจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงฤดูใบไม้ร่วง แต่ลูกค้าที่สั่งซื้อก่อนหน้านั้นอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเนื่องจากเวลาจัดส่ง และตัวแทนจำหน่ายบางรายคาดว่าจะเริ่มรับคำสั่งซื้อด้วยราคาใหม่ภายในสิ้นเดือนนี้

ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่อาจเป็นรายต่อไปอย่าง Honda Motor และ Suzuki Motor ยังกล่าวว่า พวกเขาจะพิจารณาขึ้นราคาในขณะที่วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น

ราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นกำลังกลืนกินรายได้ของผู้ผลิตรถยนต์ นอกจากนี้ การอ่อนค่าลงครั้งประวัติศาสตร์ของเงินเยน สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างที่กว้างขึ้นในอัตราดอกเบี้ยระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา ทำให้การนำเข้าวัสดุและส่วนประกอบมีราคาแพงกว่า

Mazda คาดว่า ราคาโลหะมีค่า เหล็ก และวัสดุอื่นๆ จะสูงขึ้น รวมถึงต้นทุนการจัดหาเซมิคอนดักเตอร์ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ผลกำไรจากการดำเนินงานลดลง 9 หมื่นล้านเยน ส่วน Mitsubishi Motors คาดการณ์ว่ากำไรจากการดำเนินงานจะลดลง 7.92 หมื่นล้านเยน เนื่องจากราคาวัสดุที่สูงขึ้น ด้าน Toyota คาดการณ์ว่าต้นทุนวัตถุดิบจะเพิ่มขึ้น 1.45 ล้านล้านเยน

อ้างอิง: