ระหว่างการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบที่ 3 ระหว่างทีมชาติไทย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เรามีโอกาสได้นั่งข้างคุณพอล เมอร์ฟีย์ (Paul Murphy) ผู้สื่อข่าวของ ESPN FC ประจำประเทศไทย ที่ติดตามรายงานข่าวฟุตบอลในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2013 ซึ่งเราได้แลกเปลี่ยนมุมมองของการทำทีมของ มิโลวาน ราเยวัช หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวเซอร์เบียกันอย่างสนุกสนาน หลังจบการแข่งขันเราจึงสัมภาษณ์คุณพอล เมอร์ฟี ถึง 5 สิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากเกมแรกอย่างเป็นทางการของราเยวัช ซึ่งนำทีมชาติไทยเสมอกับยูเออีไป 1-1
1. แก้จุดอ่อนในการเสียประตูท้ายเกม
ข้อแรกผมคิดว่าโค้ชราเยวัชต้องการให้ทีมชาติไทยเป็นทีมที่เอาชนะได้ยาก เขาเห็นจุดอ่อนในการเสียประตู ซึ่งนักเตะไทยเสียสมาธิในช่วงท้ายเกม ผมคิดว่าเขาน่าจะเตรียมแก้ไขในจุดนั้นเป็นหลัก
2. เน้นเกมรับมากขึ้น
ผมคิดว่าสไตล์ของเขาจะแตกต่างกับโค้ชซิโก้-เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนคนเก่า แฟนบอลต้องทำความคุ้นเคยกับแท็กติกเกมรับมากขึ้น อาจจะน่าเบื่อบ้างในบางครั้ง แต่ก็หวังว่าจะช่วยให้ทีมชาติไทยเสียประตูได้น้อยลง เพื่อเพิ่มโอกาสให้ทำงานได้ดีขึ้น
3. แฟนบอลต้องให้กำลังใจมากกว่านี้
เราเห็นจำนวนแฟนบอลหายไปจากสนามค่อนข้างเยอะ (24,417 คน เข้าชมการแข่งขัน จากปกติเต็ม 40,000 ที่นั่ง) ซึ่งผลของนัดนี้อาจจะไม่มีผลอะไรกับการลุ้นผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย แต่มันเป็นสิ่งสำคัญมากที่แฟนบอลต้องให้กำลังใจนักเตะ ซึ่งพวกเขาทำมาตลอดในช่วง 4 เกมแรก แต่ในวันนี้จำนวนแฟนบอลได้ลดลงไปมาก ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากแฟนบอลลดความสนใจในเกมนี้ หรืออาจเป็นเพราะผู้เล่นตัวหลักลงสนามไม่ได้ หรือส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะโค้ชซิโก้ไม่ได้คุมทีมแล้ว แต่ผมอยากเห็นกองเชียร์ทีมชาติไทยเข้ามาร่วมสนับสนุนนักเตะ โดยเฉพาะเกมในบ้านนัดสุดท้าย ผมอยากให้ทุกคนมาช่วยเชียร์ให้ไทยเอาชนะอิรักให้ได้
4. ขาดคุณภาพในเกมรุก
ข้อที่ 4 ผมยอมรับว่าถึงแม้นักฟุตบอลหลายคนจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่พวกเขายังขาดคุณภาพในเกมรุกจากชนาธิป สรงกระสินธ์ ผมคิดว่าทีมชาติไทยน่าจะคิดถึงเขามาก สรรวัชญ์ เดชมิตร ก็ทำผลงานได้ดีในตำแหน่งของชนาธิป เขาสร้างปัญหาให้กับเกมรับของยูเออีได้มากพอสมควร แต่เขาขาดความสามารถในการเลี้ยงบอลหลบคู่ต่อสู้ และการปรับจากเกมรับเป็นเกมรุกด้วยความเร็ว ผมคิดว่าพวกเขาคิดถึงชนาธิปในจุดนี้มาก ซึ่งแน่นอนว่ามีหลายจุดในเกมวันนี้ที่หายไปเนื่องจากผู้เล่นตัวหลักไม่สามารถลงสนามได้
5. นักเตะหน้าใหม่เพิ่มความหวังใหม่
และข้อสุดท้าย ผมมองว่าแฟนบอลควรมีความหวังในความหลากหลายที่ราเยวัชได้นำมาให้กับทีม โดยเฉพาะตัวเลือกของทีม เช่น ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ที่ทำผลงานได้ดีในวันนี้ และกองหลัง 2 คนอย่าง พรรษา เหมวิบูลย์ และเฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว พวกเขาก้าวเข้ามาติดทีมชาติครั้งแรก และพวกเขาก็ทำผลงานได้ดี นั่นก็แสดงให้เห็นว่าก่อนหน้านี้ทีมของซิโก้ส่วนใหญ่มักจะเป็นนักเตะหน้าเดิม อาจจะส่งผลให้ไม่มีการแข่งขันเกิดขึ้นในการแย่งชิงตำแหน่งในทีมชาติ แต่เมื่อโค้ชคนใหม่เขาเพิ่มจำนวนนักเตะให้มีโอกาสติดทีมชาติไทยมากขึ้น ทำให้เรามีตัวเลือกมากขึ้น ผมคิดว่านั่นเป็นผลดีต่อทุกคน เนื่องจากสิ่งนี้เป็นการผลักดันให้มีการแข่งขันมากขึ้น
THE STANDARD มองว่าฟุตบอลทีมชาติไทยชุดนี้เน้นเกมรับมากขึ้นอย่างชัดเจน แต่ยังไม่สามารถปรับเกมรับเป็นเกมรุกได้ไวเท่าที่ควร ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากขาดผู้เล่นคนสำคัญในเกมรุกอย่าง ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีรศิลป์ แดงดา และธีราทร บุญมาทัน ซึ่งปกติแล้วจะเป็นผู้เล่นที่สร้างสรรค์เกมรุกให้กับทีม แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีผู้เล่นคนสำคัญ ทีมชาติไทยก็ยังสามารถขึ้นนำยูเออีได้ก่อนจากลูกยิงของ มงคล ทศไกร ในนาทีที่ 69 ก่อนจะโดนตีเสมอในช่วงท้ายเกมไปอย่างน่าเสียดาย แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ก็เป็นเวลาสำคัญที่ราเยวัชต้องกลับไปแก้ไขในเรื่องสมาธิของนักเตะช่วงท้ายเกม ซึ่งเรากับพอล เมอร์ฟีย์ ก็ได้นัดกันแล้วว่าเราจะมาเจอกันอีกครั้งในเกมที่ทีมชาติไทยเปิดบ้านรับการมาเยือนของอิรักในวันที่ 31 สิงหาคม 2560
และถือโอกาสในการนี้ขอนัดแฟนกีฬาชาวไทยให้ออกมาร่วมเชียร์ฟุตบอลทีมชาติไทยนัดสุดท้ายในบ้านของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย รอบที่ 3 ในปีนี้ ถึงแม้ว่าทีมชาติไทยจะหมดลุ้นไปบอลโลกในครั้งนี้แล้วก็ตาม เพราะเราเชื่อว่าหลายๆ คนคงได้มีโอกาสเห็นคลิปหลังเกมของ มงคล ทศไกร ที่ได้ออกมาขอบคุณทุกเสียงเชียร์ในสนามและในโลกออนไลน์ คงทำให้แฟนกีฬาเข้าใจได้ว่าพวกเขาต้องการแรงสนับสนุนมากขนาดไหนในการลงสนามในนามทีมชาติไทยทุกครั้ง