×

‘STP’ เข้าเทรดในตลาด mai วันแรก เปิดเหนือราคาจอง 11%

14.06.2022
  • LOADING...
STP

สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ หรือ STP เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai วันนี้ (14 มิถุนายน) เป็นวันแรก และได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ราคาหุ้นเปิดการซื้อขายที่ 20 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท หรือ 11% จากราคา IPO ที่ 18 บาท จากนั้นราคาปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มูลค่าการซื้อขายมากเป็นอันดับ 1 ของตลาด mai 

 

สหไทยการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ (STP) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ภายใต้กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,800 ล้านบาท 

 

STP ประกอบธุรกิจรับพิมพ์บรรจุภัณฑ์กระดาษและสิ่งพิมพ์ทุกชนิด ด้วยระบบพิมพ์ออฟเซต (Offset Printing) บนกระดาษที่บริษัทจัดหาหรือพิมพ์บนกระดาษที่ลูกค้าจัดหามาเอง บริษัทมีกลุ่มลูกค้ารายใหญ่เป็นผู้ผลิตเพื่อการส่งออกในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มธุรกิจเวชภัณฑ์ และกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อการอุปโภคทั่วไป 

 

ปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 580 ล้านบาท มาจากรายได้จากการผลิตบรรจุภัณฑ์ด้วยกระดาษที่บริษัทจัดหา 94% รายได้จากการให้บริการ 3% และรายได้อื่น 3%

 

STP มีทุนชำระแล้ว 100 ล้านบาท พาร์ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 74.60 ล้านหุ้น และหุ้น IPO 25.40 ล้านหุ้น โดยเสนอขายแก่นักลงทุนในราคาหุ้นละ 18 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 457.20 ล้านบาท โดยการกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ที่ประมาณ 15 เท่า คำนวณจากกำไรสุทธิ 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2564 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565) 

 

ผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO ได้แก่ กลุ่มครอบครัวโรจน์วงศ์จรัต โรจนวงศ์จรัส และโรจน์วงศ์จรัส ถือหุ้นรวม 74.60% บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีจากงบเฉพาะกิจการในแต่ละงวด หลังหักเงินสำรองตามกฎหมายและตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัท

 

สุรนัย โรจน์วงศ์จรัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STP กล่าวว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะนำมาใช้ขยายโรงงาน ลงทุนเครื่องจักร เพื่อปลดล็อกกำลังการผลิต รองรับแผนการดำเนินงานที่วางไว้ ซึ่งจะช่วยยกระดับฐานรายได้ให้เติบโตในอนาคต

                

ทางด้าน สุวิมล ศรีโสภาจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า STP มีจุดเด่นการลงทุน จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง มีรายได้รวมเติบโตกว่า 23% CAGR จาก 383 ล้านบาทในปี 2562 สู่ระดับ 580 ล้านบาทในปี 2564 ด้วยการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ สะท้อนจาก STP มีกำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นเป็นผลจาก Economy of Scale อัตรากําไรขั้นต้น 38% ปี 2564 เทียบเคียงได้กับอัตรากําไรขั้นต้นของบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจบรรจุภัณฑ์กระดาษที่มีค่าเฉลี่ยที่ 22% นอกจากนี้ กําไรสุทธิเติบโตกว่า 43% CAGR จาก 59 ล้านบาทในปี 2562 สู่ระดับ 124 ล้านบาทในปี 2564

 

ด้านบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ที่ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ STP จำนวน 6 บริษัทหลักทรัพย์ ได้ประเมินราคาพื้นฐานของ STP อยู่ที่ 20.40-24.25 บาทต่อหุ้น โดยระบุว่า STP มีศักยภาพการเติบโตสูงจากการเป็นผู้ผลิตงานพิมพ์และบรรจุภัณฑ์คุณภาพพรีเมียม โดยการเติบโตของการซื้อขายรูปแบบอีคอมเมิร์ซ และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดทำให้ธุรกิจบรรจุภัณฑ์เติบโต ช่วยเพิ่มโอกาสให้ STP ในฐานะผู้รับพิมพ์บรรจุภัณฑ์กระดาษและสิ่งพิมพ์ทุกชนิด ให้บริการตั้งแต่พัฒนาออกแบบบรรจุภัณฑ์ ครอบคลุมไปจนถึงบริการหลังการพิมพ์ต่างๆ เช่น การเคลือบยูวี การปั้มฟอยล์ทอง การปั๊มฟอยล์เงิน การประกบลูกฟูก และการไดคัต STP พร้อมเข้าระดมทุนในตลาด mai เพื่อนำเงินไปสร้างอาคารโรงงานและขยายกำลังการผลิต ผลักดันกำไรปี 2565-2567 เติบโตเฉลี่ยปีละ 9.4%

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising