กลุ่มผู้บริหารธุรกิจด้านการท่องเที่ยวสหรัฐอเมริกาได้ออกมากดดันให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยกเลิกข้อกำหนดที่ให้นักท่องเที่ยวแสดงผลตรวจโควิดเป็นลบก่อนเดินทางมายังสหรัฐฯ โดยกล่าวว่า กฎดังกล่าวทำให้ชาวต่างชาติเกิดความลังเลที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว ซึ่งเป็นการทำลายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ
นโยบายที่กำหนดให้นักท่องเที่ยวตรวจหาเชื้อโควิดก่อนเดินทางนั้นมีมาตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม 2021 ซึ่งไบเดนได้ลงนามในคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดีตั้งแต่วันแรกของการเข้ารับตำแหน่ง แต่ในปัจจุบันมีหลายประเทศที่เริ่มทยอยยกเลิกข้อกำหนดดังกล่าวแล้ว เช่น สหราชอาณาจักร อิตาลี และกรีซ
สำหรับในสหรัฐฯ นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศยังต้องเตรียมแสดงหลักฐานผลการตรวจโควิดเป็นลบ ไม่ว่าจะเคยฉีดวัคซีนมาแล้วหรือไม่ก็ตาม หรือแสดงหลักฐานว่าเคยติดเชื้อมาก่อนและหายดีแล้ว
แอนโทนี คาปูอาโน CEO ของ Marriott ระบุในถ้อยแถลงถึงสำนักข่าว CNBC ว่า “คำสั่งที่ให้มีการทดสอบเชื้อก่อนออกเดินทางทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความลังเลใจ และอาจทำให้พวกเขาเลือกจุดหมายปลายทางอื่นที่น่ากังวลน้อยกว่า” พร้อมเสริมว่า “สหรัฐฯ จะพลาดโอกาสนี้ หากเราไม่ขจัดข้อกำหนดที่ไม่จำเป็นออกไป”
ด้าน โรเจอร์ ดาว ประธาน และ CEO ของ U.S. Travel Association กล่าวในแถลงการณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านว่า “ในขณะที่อุตสาหกรรมอื่นๆ ของสหรัฐฯ เกือบทั้งหมดสามารถเปิดดำเนินกิจการได้โดยไม่มีข้อจำกัดแล้ว แต่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังคงได้รับความเสียหายจากนโยบายของรัฐ”
ขณะเดียวกัน นายกเทศมนตรีจากนครต่างๆ ในสหรัฐฯ เกือบ 40 คน ยังได้ส่งจดหมายถึง ดร.อาชิช จาห์ ผู้ประสานงานด้านโควิดของทำเนียบขาวในสัปดาห์นี้ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกข้อกำหนดดังกล่าว โดยใจความในจดหมายระบุว่า หลายเมืองของสหรัฐฯ ยังคงประสบปัญหาในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศอย่างมาก
ทั้งนี้ ทำเนียบขาวยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว และยังไม่ได้กำหนดไทม์ไลน์ที่แน่ชัดว่าจะมีการยกเลิกคำสั่งตรวจเชื้อเมื่อใด ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการต่างรู้สึกวิตกกังวล และมองว่านโยบายนี้จะเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจของประเทศ
แฟ้มภาพ: Spencer Platt / Getty Images
อ้างอิง: