วันนี้ (31 พฤษภาคม) ไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่า การที่แกนนำพรรคฝ่ายค้านตั้งฉายางบประมาณปี 2566 เป็นขอทานจัดงานวันเกิด ถือว่าด้อยค่าเงินที่จะไปถึงมือประชาชนเพื่อช่วยเหลือประชาชน เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการคนละครึ่ง และเงินช่วยเหลือต่างๆ หรือ
“แม้แต่การเปรียบเทียบว่างบประมาณปี 2566 เป็นงบช้างป่วย ยืนยันว่าช้างนี้ไม่ได้ป่วย แม้จะพบสารพัดโรคที่จะเข้ามาอย่างรุนแรง แต่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ยังดูแลขับเคลื่อนประเทศไทย ซึ่งเสมือนช้างที่ทรงพลังให้เดินหน้าฝ่าวิกฤตไปได้ ไม่เช่นนั้นมาไม่ได้ถึงขั้นนี้ หลังจากเลือกตั้งมาก็ 3 ปีเข้าไปแล้ว จนตอนนี้เป็นปีที่ 4 ก็ถือว่าเป็นช้างที่ปรับตัวได้เป็นอย่างดี พร้อมที่จะต่อสู้กับวิกฤตทุกอย่างภายใต้การนำของ พล.อ. ประยุทธ์”
ส่วนการที่ ส.ส. ฝ่ายค้านประกาศจะคว่ำกฎหมายฉบับนี้ ไพบูลย์มองว่า ส.ส. มีเงินเดือน เงินประจำตำแหน่งกันทุกคน ย่อมไม่กลัวจะเดือดร้อน แต่ประชาชนที่รอความช่วยเหลือจากงบประมาณฉบับนี้จะเดือดร้อนเพราะไม่มีเงินเดือน ไม่มีเงินประจำตำแหน่ง ดังนั้นตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะไปโหวตสิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับประชาชน โดยเฉพาะเงินงบประมาณทั้งด้านลงทุน 695,077 ล้านบาท คิดเป็น 21.82% หรือเงินลงทุนพัฒนาเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างความเจริญก็จะกระทบไปหมด
“ผมเชื่อว่า ส.ส. ที่รักประชาชน มุ่งมั่นดูแลให้ประชาชนได้งบประมาณนั้นจะช่วยกันโหวตให้ร่างฉบับนี้ผ่านไป เพราะงบประมาณปี 2566 นี้เปรียบเหมือนสายฝนที่พร่างพรม โปรยปรายทั่วทั้งแผ่นดิน อำนวยความสดชื่นชุ่มฉ่ำ ให้ชีวิตชีวาให้กับประชาชนทั้งแผ่นดินที่รอคอยความช่วยเหลือจากรัฐผ่านงบประมาณปี 2566 งบประมาณนี้เท่ากับต้อนรับรัฐบาลเปิดประเทศเต็มรูปแบบในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ ก็จะทำให้การท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยยังคาดว่าอาจจะมีเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาถึง 10 ล้านคน เศรษฐกิจก็จะดีขึ้นมาสอดรับกับนโยบายได้และยังป้องกัน Perfect Storm หรือมรสุมเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ที่จะเกิดขึ้น เราก็ต้องสร้างความเข้มแข็งของเราก่อน เพราะเราไม่ใช่ช้างป่วยแต่เป็นช้างที่กำลังมีพลัง ช้างที่กำลังเดินหน้าไปสู่ความมั่นคงยั่งยืน” ไพบูลย์กล่าว
ไพบูลย์ยังกล่าวต่อไปว่า นโยบายที่ทางนายกรัฐมนตรีได้นำเสนอมานั้น ตนชอบหลายเรื่อง โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับเรื่องการขับเคลื่อนการแก้ไขความยากจนแบบพุ่งเป้า ประชาชนก็จะได้ประโยชน์จากงบประมาณนี้ ทำให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม รวมไปถึงยุทธศาสตร์รัฐบาลได้ทุ่มเทเป็นจำนวนเงินถึง 549,514 ล้านบาท คิดเป็น 14.2 ของงบประมาณแผ่นดิน เพื่อให้ประชาชนทุกช่วงวัยได้ประโยชน์จากงบประมาณนี้ โดยการเสริมสร้างคนให้มีสุขภาวะที่ดีใช้งบประมาณถึง 51,883 ล้านบาทเพื่อสนับสนุนกลไกการปฏิบัติหน้าที่ของอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) หมอประจำบ้าน ไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน และยังพัฒนาศักยภาพชีวิตคนตลอดช่วงชีวิตใช้เงิน 31,699 ล้านบาท สนับสนุนอาหารเสริมนมให้กับเด็ก 1,470,00 คน นับเป็นจำนวนไม่น้อย และเด็กๆ ได้อาหารกลางวัน 487,800 คน จากงบประมาณที่เรากำลังจะพิจารณา
“สุดท้ายผมขอกราบเรียนว่า หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ท่านได้กล่าวไว้ ยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐจะสนับสนุนเห็นด้วยกับงบประมาณปี 2566 เพราะเป็นสายฝนพร่างพรม โปรยปรายทั่วแผ่นดิน อำนวยความชุ่มฉ่ำให้ประชาชน ขอย้ำว่าตนและ ส.ส. พลังประชารัฐจะโหวตเห็นด้วยทุกคน”