เทคยักษ์ใหญ่ของจีนทยอยประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/65 ซึ่งแม้ส่วนใหญ่โชว์รายได้ที่เติบโตขึ้น แต่ก็เป็นการเติบโตในอัตราที่ชะลอตัว ทั้ง JD.com ที่รายได้เพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาสเดียวกันกับปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการขยายตัวน้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์ และ Baidu ที่รายได้เติบโตเพียง 1% เป็นการขยายตัวต่ำที่สุดในรอบ 2 ปีนับตั้งแต่ปี 2020
สำนักข่าว CNBC รายงานว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีน เช่น Alibaba, Tencent และ JD.com ต่างก็มีรายได้ที่เติบโตช้าที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิดที่ลากยาว จนทำให้จีนประกาศล็อกดาวน์เมืองสำคัญหลายๆ เมือง หลังจีนต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิดตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อการเติบโตของภาคธุรกิจ และเพิ่มข้อจำกัดด้านการเดินทาง ซึ่งล้วนผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานและการขนส่ง ขณะเดียวกันภาคธุรกิจเทคโนโลยีของจีนยังได้รับผลกระทบจากการเข้มงวดกฎเกณฑ์ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งหน่วยงานทางการจีนเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปี 2020
ผลประกอบการล่าสุดของ Alibaba สะท้อนภาพการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนได้ดี โดยเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา Alibaba ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซ รายงานว่า ในงวดไตรมาส 1/65 ยอดซื้อสินค้าออนไลน์ในสองแพลตฟอร์มหลักในจีนปรับตัวลดลง
ขณะที่รายได้รวมในไตรมาส 1/65 ของ Alibaba เพิ่มขึ้น 9%YoY ซึ่งเป็นการขยายตัวน้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์ อ้างอิงสถิติจาก Wind Information
ส่วนรายได้ของ Tencent ในไตรมาสปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย ขณะที่ JD.com มีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 18%YoY ซึ่งถือว่าเติบโตน้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น Alibaba ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 15% ในวันที่ประกาศผลประกอบการ เนื่องจากมีการเติบโตดีกว่าที่ตลาดคาด ส่วนราคาหุ้น JD.com เพิ่มขึ้น 5% ในขณะที่หุ้นของ Tencent ในตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้นมากกว่า 1% เมื่อวันศุกร์
นักวิเคราะห์เตือน ผลประกอบการยังเปราะบาง
ซื่อเจียหลง และ โธมัส เฉิน นักวิเคราะห์จาก Nomura กล่าวว่า หุ้นที่มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจมหภาค เช่น Alibaba และ Baidu อาจได้ประโยชน์ชั่วคราวจากการคาดการณ์ผลประกอบการที่ต่ำ และปัจจัยบวกเรื่องการยกเลิกล็อกดาวน์เมืองเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าราคาหุ้นจะทรงตัวได้ในระยะยาวนั้นจะขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของความต้องการของผู้บริโภคในประเทศเป็นหลัก ซึ่งนักลงทุนจะยังคงติดตามเรื่องนี้ต่ออีกหลายเดือน
ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกของจีนที่ซบเซาอยู่แล้วในเดือนเมษายน ลดลง 11.1%YoY
นักวิเคราะห์ของ Nomura กล่าวเพิ่มว่า ผลพวงจากกำลังซื้อในประเทศที่เปราะบางจะนำไปสู่การตัดสินใจลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาด เพื่อลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นออกไป ซึ่งอาจนำไปสู่การฟื้นตัวอย่างล่าช้าในอุตสาหกรรมโฆษณา แม้ว่าจีนจะออกจากโหมดล็อกดาวน์โดยสมบูรณ์แล้วก็ตาม
อ้างอิง: