วันนี้ (26 พฤษภาคม) ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนผู้มีความหลากหลายทางเพศ พรรคก้าวไกล กล่าวภายหลังจากที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ ว่าได้รับเรื่องราวปัญหามากมายจากประชาชน ปัญหาหนึ่งที่ได้รับเรื่องเข้ามาคือประเด็นคนข้ามเพศ หรือ Transgender ที่ประสบปัญหาในการเลือกปฏิบัติ การแต่งกายตามเพศสภาพ การเดินทางไปต่างประเทศ
ธัญวัจน์กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวแม้จะมีการประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เพราะเรื่องเพศเป็นปัญหาโครงสร้าง และกลุ่มคนข้ามเพศยังมิได้มีกฎหมายรับรองเพศและคำนำหน้า ตนจึงเสนอให้ กมธ. พิจารณาวาระดังกล่าว และมีความเห็นว่าควรยกร่างกฎหมาย เพราะการแก้ปัญหาเป็นรายกรณีไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหาถาวร และเมื่อไม่มีกฎหมายรองรับ เรื่องดังกล่าวก็ยังเป็นปัญหาต่อกลุ่มคนข้ามเพศแบบนี้เรื่อยไป
“ความเข้าใจของสังคมส่วนหนึ่งอาจมองแค่ว่าเป็นชายแต่งกายคล้ายหญิง แต่อยากให้เข้าใจอีกมุมมองคือ จริงๆ แล้วภายในของเขาเป็นผู้หญิง แต่มีร่างกายที่เป็นผู้ชายต่างหาก เขาจึงต้องเปลี่ยนแปลงร่างกายให้ตรงกับความเป็นหญิงของเขาภายใน” ธัญวัจน์กล่าว
ธัญวัจน์ระบุเพิ่มเติมว่า กฎหมายรับรองเพศ หรือ Gender Recognition เป็นกฎหมายที่มีการประกาศใช้ครั้งแรกในปี 2547 และปัจจุบันมีหลายประเทศให้การรับรองกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ เช่น อังกฤษ สเปน อาร์เจนตินา อุรุกวัย มอลตา โคลัมเบีย ไอร์แลนด์ โปแลนด์ โบลิเวีย นอร์เวย์ ฝรั่งเศส อินเดีย อเมริกา ออสเตรเลีย และแคนนาดา เป็นต้น และจากข้อมูลของมูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกะเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน พบว่าการเกณท์ทหารในแต่ละปีจากจำนวนเพศกำเนิดชาย 97,000 คน จะพบบุคคลที่อยู่ในสถานะเพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิดโดยเฉลี่ย 3,000 คนต่อปี จึงมีการคาดคะเนและประมาณการว่าจำนวนหญิงข้ามเพศ Transwoman ในประเทศไทยน่าจะมีเกือบ 2-3 แสนคน ไม่รวมชายข้ามเพศ Transmen ที่ยังไม่มีการประมาณการแน่ชัด
“ ขอขอบคุณคณะกรรมาธิการที่เล็งความสำคัญในกรณีนี้ และให้ความไว้วางใจให้ธัญได้รับแต่งตั้งเป็นประธานของคณะอนุกรรมาธิการดังกล่าว ขณะนี้กำลังเตรียมการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อให้ทุกฝ่ายเข้ามาแสดงความคิดเห็น เพราะสภาผู้แทนราษฎรเป็นพื้นที่ของประชาชนที่จะได้พูดถึงปัญหาของตนเอง ร่วมกันยกร่างกฎหมายเพื่อนำเข้าสู่สภาในวาระต่อๆ ไป” ธัญวัจน์กล่าวทิ้งท้าย