ตำรวจสหรัฐฯ จับกุมตัวชายวัย 18 ปีคนหนึ่ง ภายหลังจากที่เขาพกอาวุธปืนบุกเข้าไปก่อเหตุยิงผู้คนภายในซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งในเมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (14 พฤษภาคม) ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเช้ามืดที่ผ่านมาตามเวลาในไทย
โดยตำรวจระบุว่า ชายดังกล่าวซึ่งไม่เปิดเผยชื่อ ได้บุกเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ต ก่อนจะเปิดฉากยิงและใช้กล้องไลฟ์ในระหว่างก่อเหตุ
ขณะที่ สตีเฟน เบลองเกีย เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ หรือ FBI แถลงว่ากำลังสืบสวนข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า อาจเป็นการก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชัง และเป็นการก่อเหตุที่มีแรงจูงใจจากแนวคิดสุดโต่งและรุนแรง
ซึ่งข้อมูลจากตำรวจนายหนึ่งที่เปิดเผยต่อสถานีโทรทัศน์ CBS ระบุว่า ชายคนร้ายได้ตะโกนข้อความแบ่งแยกเชื้อชาติในระหว่างก่อเหตุ
ด้าน โจเซฟ กรามาเกลีย ผู้บัญชาการตำรวจเมืองบัฟฟาโล เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะขับรถมาเป็นเวลานานหลายชั่วโมงเพื่อมุ่งหน้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นย่านชุมชนชาวผิวสีภายในเมือง โดยพบว่ามีผู้ถูกยิงทั้งหมด 13 คน และส่วนใหญ่เป็นชาวผิวสี
หนึ่งในผู้เสียชีวิต พบว่าเป็นตำรวจเกษียณที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของซูเปอร์มาร์เก็ต โดยเขาพยายามยิงสกัดคนร้าย ก่อนจะถูกยิงเสียชีวิต ขณะที่ผู้บาดเจ็บ 3 คน ซึ่งเป็นพนักงานในซูเปอร์มาร์เก็ตทั้งหมด ไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงถึงชีวิต
จากการตรวจสอบของตำรวจ พบว่า ชายคนร้ายได้พกอาวุธปืนไรเฟิลกำลังสูง และสวมใส่เสื้อเกราะและหมวกนิรภัย ซึ่งเขายอมวางอาวุธและถูกจับกุม หลังการเผชิญหน้ากับตำรวจอย่างตึงเครียด
ไบรอน บราวน์ นายกเทศมนตรีเมืองบัฟฟาโล กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “เป็นฝันร้ายที่เลวร้ายที่สุดที่ชุมชนใดๆ จะเผชิญ ซึ่งพวกเขาเจ็บปวดและกำลังโกรธแค้น
“เราไม่สามารถปล่อยให้บุคคลที่มีพฤติกรรมอันน่ารังเกียจนี้แบ่งแยกชุมชนหรือประเทศของเราได้”
ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้รับรายงานสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว โดยทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ว่า “ประธานาธิบดีและสตรีหมายเลขหนึ่ง กำลังสวดภาวนาให้แก่ผู้ที่สูญเสียจากเหตุการณ์นี้”
ภาพ: Photo by BigDawg via REUTERS
อ้างอิง: