เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) รายงานกำไรสุทธิ 1Q65 ลดลง 84%YoY และ 73%QoQ สู่จำนวนเพียง 313 ล้านบาท เทียบกับกำไรเฉลี่ยต่อไตรมาสที่ 1.8 พันล้านบาท ในปี 2564 หากตัดกำไรพิเศษจากการขายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น 592 ล้านบาท (หลังภาษี) ออกไป พบว่าบริษัทมีขาดทุนปกติ 279 ล้านบาท เพราะได้รับผลกระทบจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น
สำหรับธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) – กำไรได้รับผลกระทบจากการหยุดซ่อมบำรุงนอกแผนงานของ GHECO-One โดยปริมาณการขายไฟฟ้าจากธุรกิจ IPP ลดลง 2%QoQ ส่งผลทำให้รายได้ค่าความพร้อมจ่ายลดลง แต่ยังคงเพิ่มขึ้น 16% YoY โดยเกิดจากระยะเวลาในการหยุดเดินเครื่องที่สั้นลงของ GHECO-One และปริมาณการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าศรีราชา
ผู้บริหารกล่าวว่า การหยุดซ่อมบำรุงนอกแผนงานของ GHECO-One เกิดจากเหตุอุปกรณ์ขัดข้อง ซึ่งได้รับความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัย บริษัทวางแผนดำเนินการตรวจสอบอย่างเต็มรูปแบบในช่วงที่มีการหยุดซ่อมบำรุงครั้งถัดไปตอนต้นปี 2566 เพื่อลดความเสี่ยงจากการหยุดซ่อมบำรุงนอกแผนงานในอนาคต
ส่วนธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) – ต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อกำไร แม้รายได้จากการขายของธุรกิจ SPP เพิ่มขึ้น 35%YoY และ 18%QoQ เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยสูงขึ้น โดยเฉพาะไอน้ำ แต่ไม่สามารถชดเชยต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นอย่างมากได้ ต้นทุนก๊าซเพิ่มขึ้น 116%YoY และ 47%QoQ สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 487 บาทต่อ MMBtu และราคาถ่านหินเพิ่มขึ้น 154%YoY และ 22%QoQ สู่ 176.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
ในขณะที่รัฐบาลปรับค่า Ft ขึ้นสู่ 0.0139 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง สำหรับรอบเดือนมกราคม-เมษายน 2565 และจะปรับขึ้นอีกสู่ 0.2477 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง สำหรับรอบเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2565 ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับค่า Ft สำหรับรอบเดือนกันยายน-ธันวาคม 2565 เพิ่มขึ้นอีกสู่ 0.64-0.65 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง เพื่อชดเชยต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น
ด้านส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมในธุรกิจ SPP (42% ของกำไรสุทธิ) เพิ่มขึ้น 19%QoQ เนื่องจากกำไรจากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น แต่ลดลง 31%YoY หลักๆ เกิดจากกำไรที่ลดลงของบริษัทร่วมในธุรกิจ SPP ซึ่งได้รับผลกระทบจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น
ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นมากถึง 150%QoQ ซึ่งรวมถึงกำไรที่สูงขึ้นจากโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในอินเดียอย่าง Avaada (สัดส่วนการถือหุ้น 41.6%) จากการมีกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้น โดยจะเดินเครื่องกำลังการผลิตเพิ่มอีก 2,195 MW ในปี 2565-66 เพิ่มขึ้นจาก 2,413 MW ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ต้นทุนทางการเงินยังสูงอันเป็นผลมาจากแผนขยายธุรกิจเชิงรุก
กระทบอย่างไร:
ในวันนี้ (วันที่ 9 พฤษภาคม) ราคาหุ้น GPSC ปรับตัวลง 5.16%DoD อยู่ที่ระดับ 59.75 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวลง 1.54%DoD อยู่ที่ระดับ 1,604.49 จุด
แนวโน้มผลประกอบการในปี 2565:
SCBS ประเมินกำไรจากการดำเนินงานใน 2Q65 จะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย QoQ เนื่องจาก GHECO-One กลับมาดำเนินงานตามปกติ และการปรับค่า Ft ขึ้นอีก ซึ่ง Upside จะมาจากการได้รับเงินชดเชยจากบริษัทประกันภัยเพิ่มเติมสำหรับการหยุดเดินเครื่องนอกแผนงานของ GE Phase 5 และส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก XPCL เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ถึงส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก Avaada จากช่วงไฮซีซันสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการ 1Q65 ที่น่าผิดหวัง ส่งผลทำให้ปรับประมาณการกำไรปี 2565 ลดลง 15% แม้จะเชื่อว่าผลกระทบจากต้นทุนก๊าซที่สูงขึ้นจะค่อยๆ ได้รับการชดเชยจากราคาขายที่สูงขึ้นในระยะยาว และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สม่ำเสมอจากการขายไฟฟ้าและไอน้ำ ซึ่งจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถานะทางการเงินของ GPSC
ทั้งนี้ SCBS เชื่อว่า Sentiment ในระยะสั้นจะได้รับผลกระทบจากกำไรที่ลดลง โดยได้ทำการปรับเรตติ้งสำหรับ GPSC ลงสู่ NEUTRAL ด้วยราคาเป้าหมายปรับลงใหม่เป็น 90 บาทต่อหุ้น เพื่อสะท้อนผลกระทบจากมาร์จิ้นที่ลดลง
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP