เครือข่าย Solana ประสบปัญหาการหยุดทำงานของเครือข่ายนานกว่า 7 ชั่วโมง เนื่องจากธุรกรรมที่เข้ามาจำนวนมากกว่า 4 ล้านรายการต่อวินาทีจากบอตที่มินต์ Non-Fungible Token (NFT) ซึ่งถือว่าเป็นครั้งที่ 2 ของปี 2022 ที่เครือข่าย Solana ขัดข้อง สิ่งนี้ทำให้ชุมชนตั้งคำถามว่า SOL พร้อมที่จะเป็น Ethereum Killer จริงหรือไม่
เครือข่าย Solana หยุดทำงานกว่า 7 ชั่วโมง
เครือข่าย Solana ประสบปัญหาขัดข้องเป็นเวลานานถึง 7 ชั่วโมงในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากมีธุรกรรมที่เข้ามาจำนวนมากจากบอตที่มินต์ NFT
การทำธุรกรรมที่มากถึง 4 ล้านรายการต่อวินาที ทำให้เครือข่ายแออัดอย่างรุนแรง และทำให้ Validator มีปัญหา ส่งผลให้ Solana หยุดการทำงานเมื่อวันเสาร์ที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากผ่านไป 7 ชั่วโมงเครือข่ายก็กลับมาทำงานได้เป็นปกติอีกครั้ง
ก่อนที่เครือข่ายจะประสบปัญหาขัดข้อง เหรียญ SOL ซื้อขายอยู่ที่ 96 ดอลลาร์ และ ณ เวลา 17.00 น. ของเมื่อวานนี้ (3 พฤษภาคม) เหรียญ Solana ซื้อขายที่ 87 ดอลลาร์ โดยลดลงมากถึง 12% ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา
Solana เคยประสบปัญหาการหยุดชะงักเมื่อเดือนมกราคม ปี 2022 ด้วยเหตุผลที่คล้ายกัน แต่เกี่ยวข้องกับการทำ Arbitrage และการล้างพอร์ตแทนที่จะเป็น NFT นอกจากนี้ในตอนนั้นเครือข่ายล่มไปกว่า 29 ชั่วโมงระหว่างวันที่ 21 และ 22 มกราคมโดยธุรกรรมที่มากเกินไป ทำให้เกิดความแออัดของเครือข่ายและการหยุดทำงานของบล็อกเชน
นอกจากนี้ เมื่อเดือนกันยายน ปี 2020 เครือข่ายมีปัญหาขัดข้องครั้งใหญ่ถึง 17 ชั่วโมงเลยทีเดียว ทีมงาน Solana เปิดเผยว่าการหยุดทำงานครั้งนั้นเกิดจากการโจมตีแบบ Distributed Denial-of-Service (DDoS) ในแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจ (DEX) โดยมีบอตส่งสแปมในเครือข่ายด้วยความเร็ว 400,000 ต่อวินาที นับตั้งแต่เหตุการณ์นั้นได้มีบางคนตั้งคำถามเกี่ยวกับฉายา ‘นักฆ่า Ethereum’ ของ Solana
Solana พร้อมที่จะแข่งกับ Ethereum แล้วหรือยัง
ปัญหาเครือข่าย Solana ที่ขัดข้องมาหลายครั้ง ทำให้บางคนมองว่าบล็อกเชน Solana มีการโฆษณาเกินจริงในเรื่องการประมวลจำนวนธุรกรรมที่สูง เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อเครือข่ายเจอกับจำนวนธุรกรรมจำนวนมาก ก็เกิดปัญหาความแออัดอยู่ดี ด้วยเหตุนี้จึงเกิดคำถามว่า Solana เป็นนักฆ่า Ethereum จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องต้นทุนในการทำธุรกรรมหรือค่าแก๊สของ Solana นั้นถูกกว่าเครือข่าย Ethereum อย่างเห็นได้ชัดเจน
เครือข่าย Ethereum มีการทำงานที่เกือบจะสมบูรณ์แบบตั้งแต่แรก แต่ช่วงที่มีความต้องการสูงมักจะทำให้บล็อกเชนมีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ล่าสุดที่เกิดขึ้นคือโปรเจ็กต์ NFT ‘Otherside’ ล่าสุดของ Yuga Labs ที่ขายที่ดินเสมือนจริง โปรเจ็กต์ขายที่ดินกว่า 95,000 แห่ง ซึ่งนับว่าเป็น NFT ที่ใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ เหตุการณ์นี้ทำให้ค่าแก๊สบนเครือข่าย Ethereum พุ่งสูงถึง 8,600 gwei ส่งผลให้ต้นทุนการทำธุรกรรมเป็นเงินหลายพันดอลลาร์ไปชั่วขณะ
ดูเหมือนว่าทั้งสองเครือข่ายยังมีปัญหาที่ต้องแก้ไขต่อไป หาก Solana ต้องการแย่งส่วนแบ่งของ Ethereum การรองรับจำนวนธุรกรรมมีความสำคัญอย่างยิ่ง ส่วนปัญหาค่าแก๊สที่สูงของ Ethereum นั้นเป็นปัญหาที่ Ethereum ประสบมายาวนาน และการอัปเกรด ETH 2.0 จะถูกจับตามองต่อไปว่าจะแก้ไขค่าแก๊สที่สูงได้หรือไม่
อ้างอิง: