ผู้นำต้องเปลี่ยนองค์กรอย่างไรภายใต้ความท้าทายมหาศาลของภูมิทัศน์โลกที่เปลี่ยนแปลง

วิกฤตการณ์โรคระบาดอย่างโควิดก็เหมือนเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ขององค์กรในภาคธุรกิจทั่วโลก ที่เหมือนต้องหยุดการเชื่อมต่อไว้ และเร่งแก้ปัญหาวิกฤตด้านสาธารณสุข แต่สิ่งที่เหมือนจะไม่หยุดคือโลกด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี ที่เหมือนเจอตัวเร่งปฏิกิริยาให้เกิดและเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นหลายเท่าตัว ตัวอย่างที่เห็นอย่างโลก Blockchain ขยายตัวอย่างก้าวกระโดด

เมื่อผ่านโลกหลังโควิด ยังคงต้องเผชิญกับปัญหาสงครามความขัดแย้ง ที่เป็นปัจจัยต่อเสถียรภาพของธุรกิจและตลาดทุน และภูมิทัศน์ของเศรษฐกิจโลกก็ยังมีสิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด รวมถึงอีกหลากหลายด้าน และภาวะ Warming World ที่กำลังเป็นวาระของมวลมนุษยชาติ

ฉายภาพเข้ามาในประเทศไทย สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจก็ยังอยู่ในสภาวะฟื้นตัว ที่ต้องเร่งผลักดันศักยภาพในการแข่งขันทางเศรษฐกิจและการค้า ความท้าทายมากมายเหล่านี้เป็นเหมือนบททดสอบของผู้นำและผู้บริหารที่ต้องรีดศักยภาพ ทักษะต่างๆ เพื่อทรานส์ฟอร์มองค์กรไปสู่อนาคตที่ซับซ้อนมากขึ้น

สราวุฒิ อยู่วิทยา รองประธานกรรมการ หอการค้าไทย ที่ปรึกษาสภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP ได้ให้มุมมองสำหรับการบริหารองค์กรในยุคสมัยแห่งความท้าทายไว้ว่า “จุดสำคัญคือภาคธุรกิจส่วนใหญ่น่าจะตระหนักแล้วว่าตอนนี้ไม่มีอะไรตรงไปตรงมาอีกแล้ว ทำธุรกิจอยู่ก็เจอโควิด ทุกอย่างโลกมันโดนพลิกเปลี่ยนผันหมด โดนกระทบทุกด้าน อันนี้ผมเชื่อว่าทุกคนประสบกันอยู่ และเป็นสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนที่อาจเป็น Double Action คือ ขณะที่โรคระบาดยังอยู่ก็มีสงคราม ทำให้เห็นได้ว่าสิ่งที่ทำธุรกิจกันมา ไม่ว่าจะบริษัทอายุเท่าไร ผมว่าโลกอนาคตมันมีมุมที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบ Unpredictable คุณคาดไม่ถึงเยอะแยะมาก เดิมเรามี Disruption อยู่แล้ว ตอนนี้ก็เริ่มมี Climate Change อีก ต่อให้คุณทำทุกอย่างเหมือนเดิม คู่แข่งไม่ได้เปลี่ยนอะไร แต่โลกมันเปลี่ยน วิธีการทำธุรกิจของคุณก็ต้องเปลี่ยนแปลงอยู่ดี เพราะหากวันนี้ถ้าธุรกิจไม่พูดเรื่อง Sustainability เลย ยังทำเหมือนที่ทำมาตลอด มันก็ไม่เวิร์กอีกต่อไป ไม่นับถึงเรื่อง พฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยน ความคาดหวังของ Stakeholder ต่างๆ ก็เปลี่ยน ธุรกิจหรือองค์กรต้องพร้อมที่จะปรับตัวเองตลอดเวลา แล้วสิ่งสำคัญคุณต้องรู้ตัวด้วยว่าถึงเวลาแล้วที่คุณต้องปรับ ทักษะสำคัญคือต้องมองทุกอย่างให้ครบมิติทั้งมุมที่ลึกและมุมที่กว้าง มุมที่ลึกคือก็มองลงไปให้ชัดในธุรกิจและองค์กรตัวเองว่าต้องเป็นอย่างไร มองให้กว้างคือการมองเห็นบริบทโลกว่ากำลังหมุนไปทางไหน เพราะทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกมีจุดเชื่อมโยงกับเราได้ทั้งหมด ต้องตื่นตัวที่จะเรียนรู้ได้ตลอดเวลา”

สราวุฒิยังเสริมต่อว่า “หลายธุรกิจหรือหลายองค์กรเมื่ออยู่ในจุดที่ต้องปรับเปลี่ยนหรือทรานส์ฟอร์มมักตื่นตัวได้ดี เพียงแต่คุณต้องมองให้ออกว่าองค์กรคุณควรไปที่เลเวลไหน คุณจะทรานส์ฟอร์มอะไร และอุปสรรคขององค์กรคุณเองคืออะไร เรามักจะนึกว่าการทรานส์ฟอร์มก็คือหาคนอื่นมาทรานส์ฟอร์มเรา มีเงินไปจ้างเขามาทำ สองคือเรื่องเทคโนโลยีเพียวๆ อันนี้ก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่ชอบเข้าใจผิด Tool อะไรที่คนใช้กันเยอะ คู่แข่งเขาใช้กันเยอะ เราไปซื้อเข้ามา ลงทุนมา แล้วเอา Tool มาปรับใช้ในองค์กร มันอาจไม่เวิร์กเพราะว่าถ้าคุณไม่รู้ว่า Tool นี้มันเหมาะกับองค์กรคุณหรือเปล่า มันจะเกิด Overkill ผมเองก็เคยมีประสบการณ์ว่า ซอฟต์แวร์ไม่สามารถเปลี่ยน Culture หรือพฤติกรรมคนได้ถ้าเราไม่มีบริบทของการเปลี่ยน Culture เรื่องของการทำ Change ในองค์กร

ด้าน ดร.ชัยพัชร์ เลิศรักษ์ทวีกุล Chief Executive Officer & Founder-DeOne Academy และวิทยากรที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในหลักสูตรด้านการพัฒนาภาวะผู้นำ (Leadership) ผู้อำนวยการหลักสูตร TENX หลักสูตรเครือข่ายผู้บริหาร

ด้านการเปลี่ยนแปลงเพื่อการเติบโตแบบก้าวกระโดด กล่าวเสริมว่า “ปัจจัยสำคัญคือต้องเข้าใจธรรมชาติของธุรกิจองค์กรเราให้ได้ว่าจุดแข็งจุดอ่อนคืออะไร และองค์กรอยู่ ณ จุดไหน เพื่อเป็นพื้นฐานของการทรานส์ฟอร์ม เพราะธุรกิจเองมี 4 Stage หลักๆ คือ

Start ธุรกิจเพิ่งเริ่มต้น ล้มลุกคลุกคลาน ลองผิดลองถูก
Growth ธุรกิจกำลังพุ่งทะยาน กำไรเติบโต กระแสเงินสดดี
Maturity เริ่ม Slow Growth กำไรเริ่มคงที่หรือลดลง เคยเติบโตปีละ 20-30% อาจจะเติบโตลดลงแต่ยังคงเติบโต
Decline คือศักยภาพการแข่งขันลดลง รายได้และกำไรลดลง ธุรกิจกำลังถดถอย

หลายองค์กรหรือธุรกิจเริ่มให้ความสำคัญกับการทรานส์ฟอร์มในช่วงที่ธุรกิจเข้าสู่ภาวะ Decline แล้ว ซึ่งจริงๆ ผมมองว่าจุดสำคัญที่ธุรกิจควรเริ่มทรานส์ฟอร์มคือจุดที่อยู่ในภาวะการเติบโต หรือ Growth เพราะเป็นจุดที่มีศักยภาพในเปลี่ยนแปลง มีกำลังทุนและมวลรวมขององค์กร เพราะการที่ปรับหรือเปลี่ยนแปลงในช่วง Decline มักจะมีอุปสรรคหลายด้านทำให้อาจไม่ใช่ช่วงเวลาที่พร้อมหรือดีนักในการทรานส์ฟอร์ม และการทรานส์ฟอร์มใช้องค์ประกอบหลายส่วน ทั้งวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ แผนงาน การบริหารคน การเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร และการสื่อสารที่ดี ที่ต้องทำให้ทั้งองค์กรมองเห็นสิ่งเดียวกัน มุ่งไปในทิศทางเดียวกันให้ได้ สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือการสื่อสารให้พนักงานเข้าใจเหตุผลของการเปลี่ยนแปลง และการสร้าง Sense of Urgency เพราะทุกคนจะเข้าใจและพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง และยังเกิดความร่วมมือได้ในองค์กร”

ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นที่มาของการเกิดหลักสูตรอย่าง TENX หลักสูตรเครือข่ายผู้บริหารด้านการเปลี่ยนแปลงเพื่อการเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยรูปแบบการพัฒนาธุรกิจในยุค Digital ที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ผู้นำองค์กรต้องเข้าใจกระบวนการทำ Business, Digital, Culture, and People Transformation ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงการบริหารธุรกิจแบบเดิมๆ ไปสู่การนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เปลี่ยนแปลงการทำธุรกิจ และการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการทำงาน และการพัฒนายกระดับทักษะของคน ซึ่งหลักสูตร TEN X มี Highlight ที่ได้เรียนรู้กัน 5 ข้อคือ

เพื่อให้เข้าใจแนวโน้มสำคัญ Mega Trends และความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
เพื่อให้เข้าใจกระบวนการของ Business & Digital Transformation ซึ่งเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ
เพื่อเรียนรู้การทำ People and Culture Transformation ขององค์กร และค้นหา Framework ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง
พัฒนาวิธีคิดและวิธีการของการเป็นผู้นำในการสร้างการเเปลี่ยนแปลง
(Leadership Transformation)
เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ของผู้บริหารระดับแถวหน้าของประเทศไทยในการแบ่งปันประสบการณ์ แลกเปลี่ยนมุมใหม่และสัมพันธภาพอันดีระหว่างกัน

สำหรับผู้ที่สนใจ

สามารถลงทะเบียนผ่าน https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLSecc-wqyhSSDLJW9E2AtAsWN9lL6KiAaASiEDtmbcI7Yw0JWQ/viewform

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม: https://tenx.utcc.ac.th/

กำหนดการอบรม:

ระหว่างวันที่ 21 มิถุนายน ถึงวันที่ 10 กันยายน 2565 (วันอบรม จำนวน 22 ครั้ง)
อบรมทุกวันอังคาร สถานที่จัดอบรม: มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ถนนวิภาวดีรังสิต
อบรมทุกวันเสาร์: ในรูปแบบ Virtual Learning ผ่าน TEN X Platform powered by Conicle

หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อได้ที่

ผู้ประสานงานหลักสูตร: ศุภเสริฐ กีรติยานันทน์ เบอร์โทรศัพท์: 09 8424 5241 และ วรพรรณ ยุพาวัฒนะ เบอร์โทรศัพท์: 09 6845 4698 หรือ LINE: @tenx

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH