รอยยิ้มนั้นกว้างจากใบหูถึงใบหู น้ำเสียงของเขาตื่นเต้นด้วยความรู้สึกดีใจถึงที่สุด กับการที่สามารถบิดเข้าเส้นชัยได้เป็นคนแรกในการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก รุ่น โมโตทู (Moto2) ในรายการอินโดนีเซีย กรังด์ปรีซ์ ซึ่งนั่นหมายถึงชื่อของ สมเกียรติ จันทรา ได้รับการจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์วงการกีฬาไทยเป็นที่เรียบร้อย
“โอ้ ผมรู้สึกมีความสุขมาก! ผมแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะจบด้วยการเป็นอันดับที่ 1” พ่อหนุ่มนักซิ่งวัย 23 ปีที่ขึ้นแท่นกลายเป็นขวัญใจอีกคนของแฟนกีฬาไทย ให้สัมภาษณ์กับทีมงานถ่ายทอดสดการแข่งขันด้วยภาษาอังกฤษที่คล่องแคล่วใช้ได้และสื่อสารได้ชัดเจนมั่นใจ
“ในรอบสุดท้ายผมเห็นธงตราหมากรุกขึ้น ผมก็บอกกับตัวเองว่า ว้าว นี่ผมได้ที่ 1! นี่เป็นครั้งแรกของผมที่ได้ขึ้นโพเดียมด้วย ดังนั้นผมอยากขอขอบคุณครอบครัวของผม และสปอนเซอร์ของผม ฮอนด้าไทย และทีมของผม อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ขอบคุณทุกคนอีกครั้ง และในการแข่งครั้งหน้าผมจะทำให้ดีกว่านี้อีก!”
การคว้าแชมป์ครั้งนี้ทำให้สมเกียรติกลายเป็นคนไทยคนแรกที่นอกจากจะได้ขึ้นโพเดียมในรายการเวิลด์กรังด์ปรีซ์แล้ว ยังเป็นคนไทยคนแรกที่ได้แชมป์ในรายการเวิลด์กรังด์ปรีซ์ด้วย ซึ่งนับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ไม่เฉพาะแค่กับเจ้าตัวที่พยายามอย่างหนักมาโดยตลอด
ความสำเร็จนี้ยังรวมถึงการทุ่มเททำงานหนักของทีมงานทุกคน โดยเฉพาะฝั่งฮอนด้า อะคาเดมี ซึ่งปัจจุบันนำโดย โค้ชฟิล์ม-รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ อดีตนักบิดไทยคนแรกที่ได้แข่งขันในระดับโมโตทู ที่ดูแล ‘ก้อง’ หรือที่เรียกกันว่า ‘คิงคองก้อง’ มาอย่างดีตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา
Beaming from ear to ear! 😁
There is no one happier than Somkiat Chantra as he celebrates his first win! 🏆#Moto2 | #IndonesianGP 🇮🇩 pic.twitter.com/rQKYyMLmJ8
— MotoGP™🏁 (@MotoGP) March 20, 2022
พื้นเพของ สมเกียรติ จันทรา เป็นเด็กจากจังหวัดชลบุรีที่มีหัวใจรักความเร็วในการแข่งรถมาโดยตลอด และได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว ที่ไหนๆ ก็รักความเร็วแล้วก็เรียนให้มันถูกต้องกับ A.P. Honda Racing School
และด้วยพรสวรรค์ในตัว ทำให้สมเกียรติได้รับโอกาสในการเข้าทีมเป็นนักแข่งในสังกัดของ A.P. Honda Racing Thailand ในเวลาต่อมา และสามารถฉายแววเด่นให้เห็นมาโดยตลอด เป็นความหวังในโครงการ ‘Honda Race to the Dream’ ซึ่งต้องการทำให้นักแข่งชาวไทยขึ้นชั้นไปสู่รายการระดับสูงสุดอย่างโมโตจีพี (MotoGP) ให้ได้ภายในปี 2025
จากจุดเริ่มต้นที่เข้าคัดเลือกในรายการ Asia Talent Cup ในปี 2013 ซึ่งสามารถผ่านการคัดเลือกท่ามกลางนักแข่งกว่า 600 คน ก่อนที่จะใช้เวทีนี้เป็นการแจ้งเกิดโดยทำผลงานได้ดีขึ้นในทุกปี จนได้ขยับขึ้นชั้นมาถึงระดับโมโต 3 จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปียนชิป หรือการชิงแชมป์โลกเยาวชนรุ่นโมโตทรี (Moto3) ในปี 2017
เด็กหนุ่มคนนี้ก็ได้โอกาสครั้งสำคัญในการได้สิทธิ์ไวลด์การ์ด ได้ลงแข่งในระดับโมโตทรีจริงๆ เป็นครั้งแรกในปี 2018 ในรายการไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ก่อนที่จะขยับมาแข่งขันในรุ่นโมโตทูในอีก 1 ปีถัดมากับทีมอิเดมิตสึ ฮอนด้า เอเชีย (Idemitsu Honda Asia)
ผลงานของสมเกียรตินั้นดีวันดีคืน โดยปีกลายเขายังทำได้ดีขึ้นอีกกับการพิชิตอันดับ 5 ในรายการออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ และในสนามนี้ยังทำสถิติเวลาต่อรอบเร็วที่สุด (Fastest Lap) ได้อีกด้วย
ก่อนที่จะพิชิตแชมป์ในรายการอินโดนีเซีย กรังด์ปรีซ์ ที่สนามมันดาลิกา โดยแม้จะเริ่มออกตัวจากกริดที่ 4 แต่สามารถขึ้นนำได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเป็นการนำแบบม้วนเดียวจบ สยบได้แม้แต่ เซเลสติโน เวียตติ นักบิดชาวอิตาลีจากทีมมูนีย์ วีอาร์46 เรซซิง ทีมที่เป็นแชมป์สนามแรกได้ โดยทิ้งห่างถึง 3.2 วินาทีเลยทีเดียว
แม้ว่าส่วนหนึ่งอาจจะมาจากปัจจัยของการแข่งขัน ที่มีการประกาศก่อนหน้าการแข่งจะเริ่มว่าการแข่งขันจะลดลงเหลือแค่ 16 รอบ หรือเหลือแค่ 2 ใน 3 ของการแข่งขันปกติเพื่อความปลอดภัยของทุกคน เนื่องจากสภาพอากาศค่อนข้างร้อน ก่อนฝนจะพรำลงมาในช่วงของการวอร์มอัพ และยังตกลงมาไม่หยุด
เพียงแต่วันนี้ไม่มีอะไรจะหยุดสมเกียรติ จันทราได้ โดยหนึ่งในไฮไลต์คือการที่เขาโต้ตอบเวียตติที่พยายามไล่มาด้วยการทำเวลาต่อรอบเร็วที่สุด ก่อนที่จะทิ้งห่างและเข้าเส้นชัยผ่านธงตราหมากรุกเป็นคนแรกได้แบบใสๆ
สำหรับสนามหน้าจะเดินทางข้ามทวีปไปถึงลาตินอเมริกา ในรายการอาร์เจนตินา กรังด์ปรีซ์ ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
ด้วยความหวังว่านักแข่งชาวไทยคนนี้อาจจะสร้างชื่อบันลือโลกได้อีกครั้ง
อ้างอิง: