วันนี้ (17 มีนาคม) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ปลัด สธ.) กล่าวถึงกรณีมีข่าวว่า สธ. เตรียมเสนอ ศบค. ชุดใหญ่ วันที่ 18 มีนาคมนี้ ให้สามารถถอดหน้ากากอนามัยในสวนสาธารณะ โดยระบุว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความเข้าใจผิด ซึ่งข้อเท็จจริงคือทาง สธ. เตรียมเสนอ ศบค. เรื่องการผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศในรูปแบบ Test & Go เพื่อให้เกิดความคล่องตัวทางเศรษฐกิจ โดยไม่จำเป็นต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง แต่ให้ตรวจ RT-PCR เพียงครั้งเดียวเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย และตรวจ ATK ด้วยตนเองซ้ำอีกครั้งในวันที่ 5 หลังเข้าประเทศ พร้อมปรับลดวงเงินประกันสุขภาพผู้เดินทาง จากเดิมกำหนด 50,000 ดอลลาร์สหรัฐ เหลือ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากเดิมมีค่าเฉลี่ยการรักษาพยาบาลรายละ 1 ล้านบาท แต่ขณะนี้โรคมีความรุนแรงลดลง จึงเสนอปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
นอกจากนี้ สธ. จะรายงานต่อ ศบค. ชุดใหญ่ เกี่ยวกับแผนการปรับโรคโควิดเข้าสู่โรคประจำถิ่น เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับการควบคุมดูแลรักษาโรค สังคม และกฎหมาย จึงต้องให้ ศบค. รับทราบ เพื่อพิจารณามิติทางสังคมและการแพทย์ให้มีความสมดุลกัน รวมถึงยังมีกฎหมายหลายฉบับในช่วงการระบาดที่ต้องปรับกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เช่น พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รัฐบาลเตรียมปรับมาใช้เป็นร่าง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. …. ที่มีเรื่องของการบริหารในภาวะฉุกเฉินด้วย เป็นต้น
โดยการปรับโรคโควิดเข้าสู่ช่วง Post Pandemic หรือพ้นจากการระบาด เป็นแผนในช่วง 4 เดือนต่อจากนี้ ซึ่งจะทยอยปรับเป็นขั้นตอน และแม้จะเข้าสู่ช่วงที่พ้นจากการระบาดแล้วก็ยังต้องเข้มมาตรการป้องกันตนเอง เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ แต่อาจจะผ่อนคลายได้มากขึ้น เช่น การสวมหน้ากากอนามัย ผู้ที่ป่วยยังต้องสวม ส่วนคนทั่วไปอาจให้ถอดได้ในพื้นที่เปิดโล่ง เช่น สวนสาธารณะ ซึ่งน่าจะเป็นพื้นที่แรกที่ทำได้ และอาจเพิ่มจำนวนการรวมกลุ่มคนทำกิจกรรมได้มากขึ้น โดยแผนทั้งหมดอยู่ในเงื่อนไขว่าไม่มีการกลายพันธุ์ของไวรัสจนเกิดความรุนแรงขึ้นมาใหม่
ดังนั้นยืนยันว่าไม่ได้มีการเสนอ ศบค. เรื่องให้ถอดหน้ากากอนามัยในสวนสาธารณะแต่อย่างใด เป็นเพียงแผนดำเนินการเมื่อเข้าสู่โรคประจำถิ่น ซึ่งต้องปรับเปลี่ยนให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น เพราะสถานการณ์อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา