×

ไทยเตรียมทดลองวัคซีนโควิดพ่นจมูกในมนุษย์ไตรมาส 2 หลังวิจัยวัคซีนคืบหน้ากว่า 20 ชนิด

โดย THE STANDARD TEAM
05.03.2022
  • LOADING...
วัคซีนโควิดพ่นจมูก

วันนี้ (5 มีนาคม) รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความก้าวหน้าในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิดในประเทศไทยว่า ขณะนี้มีวัคซีนอยู่ระหว่างการวิจัยและพัฒนาจำนวนกว่า 20 ชนิด 

 

โดยวัคซีนที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดจำนวน 4 ชนิด ได้แก่ วัคซีน Chula-Cov19 วัคซีน HXP-GPOVac วัคซีน Baiya SARS-CoV-2 Vax และวัคซีน Covigen ซึ่งอยู่ในขั้นการทดสอบในมนุษย์ และหากทดสอบครบสามระยะ ก็จะสามารถยื่นขอขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยา (อย.) ได้ 

 

สำหรับวัคซีนตัวอื่นๆ มีความก้าวหน้าอยู่ในระดับทดสอบในสัตว์ทดลอง และมีหลายประเภท ทั้งชนิดใช้ไวรัสเป็นพาหะ (Viral Vector) ชนิดโปรตีนส่วนหนึ่งของเชื้อ (Protein Subunit) ชนิดสารพันธุกรรม (mRNA) ชนิดอนุภาคไวรัสเสมือน (Virus-Like Particle: VLP) เป็นต้น ซึ่งความก้าวหน้าของการพัฒนาวัคซีนต่างๆ มาจากความร่วมมืออย่างเต็มที่ของหลายภาคส่วน ทั้งหน่วยงานรัฐ อาทิ สถาบันวัคซีนแห่งชาติ องค์การเภสัชกรรม สวทช. โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สถาบันอุดมศึกษา เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล และภาคเอกชน เป็นต้น

 

สำหรับการพัฒนาวัคซีนโควิดแบบพ่นจมูก ซึ่งแนวโน้มจะมีการใช้เพิ่มขึ้น ข้อดีคือใช้งานง่าย เป็นวัคซีนที่พ่นละอองฝอยในโพรงจมูกผ่านเข็มฉีดพ่นยาชนิดพิเศษที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งวัคซีนไปเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในเยื่อเมือกของระบบทางเดินหายใจส่วนบนโดยตรง ซึ่งไวรัสส่วนใหญ่มักจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางจมูกและก่อตัวขึ้นในโพรงจมูกก่อนที่จะแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายรวมถึงปอด ซึ่งขณะนี้ทีมนักวิจัยไบโอเทคได้พัฒนาวัคซีนพ่นจมูก ‘NASTVAC’ ที่ผ่านการทดลองในสัตว์แล้ว คาดว่าจะสามารถผลิตตัวอย่างวัคซีนประมาณ 200-300 โดส เพื่อใช้สำหรับการทดสอบในมนุษย์ได้ในไตรมาสสองปีนี้

 

มากไปกว่านั้น ยังมีสเปรย์แอนติบอดีพ่นจมูกที่มีคุณสมบัติยับยั้งเชื้อโควิด ซึ่งได้รับการพัฒนาจากความร่วมมือ 5 ภาคีเครือข่ายรัฐและเอกชน ประกอบด้วยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) องค์การเภสัชกรรม และบริษัทไฮไบโอไซ ซึ่งสเปรย์แอนติบอดีได้ผ่านการทดสอบเบื้องต้นในสัตว์ทดลอง มีผลเป็นที่น่าพอใจ คาดว่าจะสามารถยื่นขอขึ้นทะเบียนต่อ อย. ประมาณเดือนมิถุนายน และจะผลิตออกสู่ตลาดประมาณไตรมาสสามของปีนี้เช่นกัน

 

“นายกรัฐมนตรีชื่นชมผลงานและความทุ่มเทของนักวิจัยไทย รวมถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่ทำให้ความก้าวหน้าในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนโควิดภายในประเทศอยู่ในระดับแนวหน้าของภูมิภาค เป็นการใช้องค์ความรู้ที่สั่งสมมาจากงานวิจัยและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยทัดเทียมกับนานาชาติ ในส่วนของรัฐบาล ได้จัดสรรทุนสนับสนุนการวิจัยผ่านสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ซึ่งมีเป้าหมายให้การพัฒนาวัคซีนนำไปสู่การสร้างวัคซีนที่มีคุณภาพสำหรับคนไทย ช่วยเสริมความมั่นคงทางสาธารณสุขให้กับประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต”

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X