×

ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขานรับ Fed เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ส่วนวิกฤตยูเครนดันราคาน้ำมันทำสถิติสูงสุดรอบ 11 ปี

03.03.2022
  • LOADING...
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขานรับ Fed เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย ส่วนวิกฤตยูเครนดันราคาน้ำมันทำสถิติสูงสุดรอบ 11 ปี

บรรยากาศตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐฯ พลิกฟื้นปรับตัวกลับมาปิดตลาดในแดนบวกมากกว่า 500 จุด โดยเป็นผลมาจากความชัดเจนในนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ตอกย้ำยืนกรานจุดยืนอย่างชัดเจนในการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามกำหนดในเดือนมีนาคมนี้

 

โดยดัชนีอุตสาหกรรม Dow Joned ปรับเพิ่มขึ้นถึง 596.40 จุด หรือ 1.79 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 33,891.35 จุด ส่วนดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 80.28 จุด หรือ 1.86 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 4,386.54 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 219.56 จุด หรือ 1.62 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 13,752.02 จุด

 

ความเคลื่อนไหวของตลาดวอลล์สตรีทเมื่อวานนี้ (2 มีนาคม) มีขึ้นหลังจากที่เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงชี้แจงต่อหน้าคณะกรรมาธิการด้านการเงินสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ เพื่อช่วยคลายความกังวลของนักลงทุน หลังต้องตกอยู่ในความหวาดหวั่นเพราะปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

 

ทั้งนี้พาวเวลล์ระบุชัดว่า ตนเองมีจุดยืนสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25 เปอร์เซ็นต์ในเดือนมีนาคมนี้ เพื่อจัดการกับภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญลำดับแรกสุดที่สหรัฐฯ ต้องเร่งแก้ไข และท่าทีที่ชัดเจนของประธาน Fed ในครั้งนี้เป็นการยืนยันและคลายความกังวลของนักลงทุนส่วนใหญ่ที่เกรงว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25 เปอร์เซ็นต์

 

แองเจโล คูร์คาฟัส (Angelo Kourkafas) นักกลยุทธ์การลงทุนจาก Edward Jones กล่าวว่า ทิศทางของวอลล์สตรีทเมื่อวานนี้ (2 มีนาคม) สะท้อนให้เห็นว่าต่อให้ยังมีปัจจัยไม่แน่นอนอย่างสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งผลต่อราคาพลังงาน แต่ด้วยการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งภายในสหรัฐฯ ก็มีส่วนทำให้นักลงทุนและผู้บริโภคเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

 

โดยเมื่อวานนี้หุ้นที่มีการขยับปรับตัวเพิ่มขึ้นคือหุ้นในกลุ่มพลังงาน การก่อสร้าง และการเงินการธนาคาร เช่น หุ้นของ Caterpillar ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่หุ้นของ J.P. Morgan และ Goldman Sachs ต่างขยับขึ้นมาถึง 2 เปอร์เซ็นต์

 

อย่างไรก็ตาม ภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้งที่ยังคงเกิดขึ้นอยู่ นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังคงมีโอกาสผันผวนขึ้นลงต่อไปอีกสักระยะ

 

ในส่วนของราคาพลังงานอย่างน้ำมันและก๊าซธรรมชาติยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น ทำนิวไฮระลอกใหม่ โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่พุ่งทะยานทะลุ 100 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดในรอบ 11 ปี

 

ทั้งนี้ราคาน้ำมันขยับขึ้นต่อเนื่องในวันพุธที่ผ่านมา (2 มีนาคม) เหตุนักลงทุนหวั่นเกรงอย่างหนักถึงผลกระทบที่จะตามมา หลังรัฐบาลกรุงมอสโกโดนมาตรการคว่ำบาตรจากซีกโลกตะวันตก นำโดยสหรัฐฯ กับสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งครั้งนี้ค่อนข้างสาหัส เนื่องจากรัสเซียกับ EU พุ่งเป้าไปที่ธนาคารชั้นนำ ซึ่งเกี่ยวพันกับเศรษฐกิจการค้าการลงทุนของแดนหมีขาวแห่งนี้โดยตรง

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 7.19 ดอลลาร์ ปิดที่ 110.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2011 ขณะที่น้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 7.96 ดอลลาร์ ปิดที่ 112.93 ดอลลาร์

 

แม้ว่ามาตรการคว่ำบาตรรัสเซียไม่ตัดทอนพลังงาน จำกัดการเข้าถึงระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ SWIFT ในด้านพลังงาน และแบนการส่งออก ซึ่งก็เพียงพอต่อการทำให้บรรดาผู้ผลิตในรัสเซียไม่สามารถขายได้ เนื่องจากไม่มีใครยื่นข้อเสนอซื้อ ขณะที่โรงกลั่นหลายแห่ง โดยเฉพาะในยุโรป ไม่สนใจน้ำมันดิบของรัสเซียและกำลังหันไปทางแหล่งน้ำมันทางเลือกอื่นๆ

 

ขณะเดียวกันแม้ราคาน้ำมันจะพุ่งสูงขึ้นจนน่าหวาดหวั่น แต่ทางกลุ่มประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก ร่วมกับประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่ม (OPEC+) มีมติเดินหน้าทำตามแผนการเดิมที่ตั้งไว้ คือเพิ่มอัตราการผลิตน้ำมันในเดือนเมษายน ไว้เท่าเดิมที่ 400,000 บาร์เรลต่อวัน

 

นอกจากนี้ทางสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (EIA) ประกาศแผนที่จะปล่อยน้ำมันออกจากคลังสำรองถึง 60 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อหวังบรรเทาราคาน้ำมันพุ่งในช่วงเดือนมีนาคม โดยจำนวนนี้สหรัฐฯ จะรับผิดชอบปล่อยน้ำมันในคลังของตนที่วันละ 30 ล้านบาร์เรล

 

สำหรับราคาก๊าซธรรมชาติก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดระลอกใหม่เช่นกัน โดยเฉพาะตลาดในยุโรป เนื่องจากหวั่นเกรงว่าสถานการณ์สู้รบในยูเครนจะยืดเยื้อจนรัฐบาลยุโรปต้องเพิ่มมาตรการคว่ำบาตร ที่คราวนี้น่าจะเพ่งเล็งพุ่งเป้าไปที่การส่งออกน้ำมันของรัสเซีย

 

นอกจากนี้ด้วยแนวโน้มการเจรจาสงบศึกรอบใหม่ระหว่างรัสเซียกับยูเครน ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงมาเล็กน้อย โดยเมื่อวานนี้ (2 มีนาคม) ราคาทองคำขยับลงจากระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือน โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนเมษายน ลดลง 21.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,922.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising