นายมานิจ สุขสมจิตร ประธานคณะอนุกรรมการด้านสื่อสารกับสังคม คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) กล่าวถึงข้อเสนอการปฏิรูปของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ สตช. ที่เสนอให้รับทหารเกณฑ์มาเป็นตำรวจประจำการ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนกำลังพลสะสมถึง 7 หมื่นคนว่า
ในที่ประชุมได้มีการพิจารณาข้อเสนอเรื่องดังกล่าวมา 2 ครั้งแล้ว เพื่อให้ที่ประชุมอภิปรายและหาข้อยุติ เพราะมีเหตุผลสมควรที่จะต้องดำเนินการสรรหากำลังพลมาทดแทนจำนวนที่ยังขาดอยู่
โดยจะต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พุทธศักราช 2547 ให้เรียกชื่อตำรวจประเภทนี้ว่า ตำรวจกองประจำการ
โดยให้มีหน้าที่สนับสนุนภารกิจในการรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในอาคารสถานที่ หรือรักษาความสงบเรียบร้อยในการชุมนุมหรือการควบคุมฝูงชน การลาดตระเวนการออกตรวจพื้นที่ และการบริการประชาชนตามที่ผู้บังคับบัญชามีคำสั่ง
โดยการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจกองประจำการนี้ต้องมีข้าราชการตำรวจควบคุมและร่วมปฏิบัติหน้าที่ด้วยทุกครั้ง ทั้งนี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดในกฎหมาย
นายมานิจกล่าวด้วยว่า ความคิดที่จะให้มีตำรวจกองประจำการนั้นได้ริเริ่มกันมาก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่ พ.ศ. 2553 และมีการพัฒนาข้อเสนอเรื่อยมา จนเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2558 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจแก้ร่าง แก้ไขเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พุทธศักราช 2547 ให้มีตำรวจกองประจำการ
ต่อมาเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2560 เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ส่งร่างแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าวมาให้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) ดำเนินการพร้อมกับการปฏิรูปตำรวจไปในคราวเดียวกัน
อย่างไรก็ตามคณะกรรมการฯ จะมีการประชุมในเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง และเมื่อเสร็จสิ้นการรับฟังความเห็นจากประชาชนและผู้เกี่ยวข้องแล้ว จะทำเป็นข้อเสนอต่อรัฐบาลเช่นเดียวกับข้อเสนอในการปฏิรูปตำรวจประเด็นภาระหน้าที่และการบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งประเด็นเรื่องการสืบสวนสอบสวน ซึ่งจะต้องเสนอให้รัฐบาลในเดือนเมษายนนี้ต่อไป