The End of the Pale Hour หยุดรักไว้ที่วันนั้น คือภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนิยายขายดีในชื่อเดียวกันของ มาซาฮิโกะ คัตซึเสะ โดยได้ ฮานะ มัตสึโมโตะ ผู้กำกับหญิงหน้าใหม่ไฟแรงจาก Dadadada Seventeen (2017) มารับหน้าที่ดัดแปลงเรื่องราวจากหน้าหนังสือสู่จอภาพยนตร์ พร้อมด้วย 3 นักแสดงนำมากเสน่ห์ นำโดย คิตามุระ ทาคุมิ จาก Let Me Eat Your Pancreas (2017), ยูอินะ คุโรชิมะ จาก Talking the Pictures (2019) และ ยูกิ อิโนะอุเอะ จากซีรีส์ Ultraman Taiga (2019)
ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่ง (คิตามุระ ทาคุมิ) ที่เดินทางมาร่วมงานเลี้ยงหลังจบการศึกษา และคืนนั้นเองที่เขาได้มาพบกับหญิงสาวคนหนึ่ง (ยูอินะ คุโรชิมะ) ซึ่งทั้งคู่ต่างก็พูดคุยกันถูกคอ และมีสิ่งที่ชื่นชอบคล้ายๆ กัน เขาและเธอจึงตกลงกันว่าจะเดตกันทุกสุดสัปดาห์ โดยไม่มีการจำกัดสถานะของกันและกัน จนเวลาล่วงเลยไปนานกว่า 2 ปี จู่ๆ หญิงสาวคนนั้นกลับหายตัวไปโดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา
แม้ว่าเรื่องราวของ The End of the Pale Hour จะเริ่มต้นด้วยพล็อตเรื่องง่ายๆ อย่างชายหนุ่มคนหนึ่งบังเอิญมาเจอกับหญิงสาวคนหนึ่ง และเริ่มตกหลุมรักกันภายในคืนเดียว แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นมากๆ คือการเล่าเรื่องของภาพยนตร์ที่พาเราไปสำรวจความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่ยาวนานกว่า 2 ปี ทั้งเรื่องราวความโรแมนติก ความดราม่า ตลกขบขัน ไปจนถึงโมเมนต์น่ารักๆ ของสองตัวละครหลักที่สร้างรอยยิ้มให้กับเราได้ดีทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้น ภาพยนตร์ยังมีจุดหักมุมของเนื้อเรื่อง ซึ่งเผยปมปัญหาบางอย่างที่จะพาผู้ชมไปสำรวจความรู้สึกของตัวละครให้ลึกซึ้งมากกว่าเดิม เราจึงค่อนข้างชื่นชอบวิธีการเล่าเรื่องของภาพยนตร์ที่ค่อนข้างกลมกล่อม และเสริมให้ทุกตัวละครมีมิติมากขึ้น
สำคัญที่สุด ภายใต้เรื่องราวความรักระหว่างชายหนุ่มและหญิงสาว The End of the Pale Hour ยังมีแกนหลักสำคัญของเรื่องอีกหนึ่งอย่างให้ผู้ชมได้ร่วมกันตกตะกอนความคิด นั่นคือประเด็น ‘ความฝัน’ และ ‘ความจริง’ ที่ไม่อาจโคจรมาบรรจบกันได้ ซึ่งเราคิดว่าตัวภาพยนตร์ค่อนข้างนำเสนอประเด็นดังกล่าวออกมาได้อย่างแนบเนียน ผ่านบทสนทนาธรรมดาๆ และการกระทำของตัวละครที่ถูกเขียนขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ และไม่ได้เข้ามาแทรกแซงพาร์ตความรักของตัวละครหลักมากเกินไป
ซึ่งเราต้องยกเครดิตให้กับ 3 นักแสดงนำที่ถ่ายทอดคาแรกเตอร์ของแต่ละตัวละครออกมาได้อย่างน่าสนใจ เริ่มต้นด้วย คิตามุระ ทาคุมิ กับบทบาทของชายหนุ่มที่พึ่งจะก้าวออกจากรั้วมหาวิทยาลัยมาได้หมาดๆ พร้อมกับความมุ่งมั่นว่าจะสร้างสิ่งใหม่ให้กับโลกใบนี้, ยูอินะ คุโรชิมะ ในบทบาทของหญิงสาวที่มีโอกาสทำงานที่ตัวเองใฝ่ฝัน และ ยูกิ อิโนะอุเอะ ในบทบาทเพื่อนสนิทของชายหนุ่มที่มีความฝันแบบเดียวกัน
ในภาพรวมแล้ว The End of the Pale Hour เป็นภาพยนตร์โรแมนติกดราม่าที่นำเสนอเรื่องราวออกมาได้อย่างครบรส มีทั้งความหวานของคู่พระนางที่ชวนให้เราอมยิ้ม และแทรกด้วยความขมให้ผู้ชมได้สัมผัสถึง ‘ชีวิต’ ของตัวละครที่ดูจะไม่มีอะไรแน่นอนเท่าไรนัก โดยเฉพาะการเผชิญหน้ากับโลกความจริงที่ไม่ได้เป็นดั่งที่เขาและเธอวาดฝัน
แต่ก็เพราะความไม่แน่ไม่นอนนั่นแหละ มันจึงเรียกว่า ‘ชีวิต’
The End of the Pale Hour มีกำหนดเข้าฉายวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์
รับชมตัวอย่างได้ที่นี่