วันนี้ (8 กุมภาพันธ์) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงเรื่องโครงการข้าวแกงจานละ 20 บาท เป็นเรื่องที่ ชนินทร์ รุ่งแสง ได้ประสานงานกับภาคเอกชน เพื่อไปจัดโครงการช่วยให้พี่น้องในชุมชนสามารถซื้อข้าวแกงราคาถูกจานละ 20 บาทได้ เพราะมีอยู่หลายร้านที่ได้ประสานงาน ถือว่าเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนในชุมชนอยู่แล้ว เพราะเป็นความร่วมมือระหว่างชนินทร์กับภาคเอกชนที่ช่วยกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องดังกล่าวกลายเป็นประเด็นในการหาเสียงล่วงหน้านั้น จุรินทร์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาร่วมมือกับเอกชน ซึ่งทุกคนสามารถทำได้อยู่แล้ว และประสานเอกชนเพื่อหาวัตถุดิบในการทำข้าวแกงราคาถูกไปให้กับร้านข้าวแกง ดังนั้นร้านข้าวแกงก็สามารถขายจานละ 20 บาทได้โดยต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวถามถึงการที่ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) รวมทั้งมีการนำรูป ‘ดร.เอ้ สุชัชวีร์’ ไปจัดทำเป็นแบนเนอร์ ระบุว่าเป็นผู้ประสานงานให้กระทรวงพาณิชย์นำโครงการลดสินค้าเพื่อประชาชนมาให้บริการในพื้นที่นั้น จุรินทร์กล่าวว่า โครงการพาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน เป็นไปตามกำหนดการที่กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งได้ประกาศล่วงหน้าว่าจะไปจอดที่ไหน ชุมชนไหนอย่างไร และได้ประกาศลงในเว็บไซต์ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าถ้าจะไปที่ชุมชนไหน วันไหน เวลาเท่าไร
“เป็นเรื่องที่ทุกคนก็รับทราบอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้สมัคร หรือเป็นพี่น้องประชาชนทั่วไป หรือใครก็ตาม ส่วนเมื่อรับทราบแล้ว ใครจะไปช่วยประชาสัมพันธ์อย่างไรก็เป็นเรื่องเฉพาะตัวที่เขาดำเนินการ แต่เราก็ไปตามกำหนดการที่ได้ประกาศไปล่วงหน้า เพื่อให้พี่น้องประชาชนรับทราบเป็นการประชาสัมพันธ์ ไม่เช่นนั้นอยู่ๆ ก็ไปจอด ชาวบ้านก็ไม่ทราบ ในชุมชนก็ออกมาซื้อไม่ได้” จุรินทร์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่มีภาพ ‘ดร.เอ้ สุชัชวีร์’ ไปอยู่ในแบนเนอร์ด้วย หลายคนมองว่าเป็นการนำนโยบายรัฐมาหาเสียงนั้น จุรินทร์กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าตรงไหนอย่างไร แต่เราก็ไปตามกำหนดการของเรา ส่วนพี่น้องประชาชนหรือถ้าจะมีใครไปร่วมด้วยอย่างไรอันนั้นก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลไป แต่กระทรวงพาณิชย์ก็ทำหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ ไม่จำเป็นที่จะต้องไปดำเนินการในทางที่จะเกี่ยวข้องกับผู้สมัครคนใดคนหนึ่ง พรรคการเมืองไหนก็ได้ที่จะมาร่วม จะพาชาวบ้านมาซื้อของราคาถูกของกระทรวงพาณิชย์ อันนั้นทุกคนก็มีสิทธิ์ ไม่ได้ไปจำกัดว่าเป็นพรรคนี้พามาได้ พรรคโน้นพามาไม่ได้ หรือว่าพี่น้องประชาชนคนนี้เข้ามาซื้อได้ คนนั้นเข้ามาซื้อไม่ได้ อันนี้เป็นโครงการที่ประกาศล่วงหน้าทั่วไป มีประกาศกำหนดการชัดเจน
ไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะให้เป็นเรื่องของการหาเสียง ส่วนใครจะมา พาชาวบ้านมาซื้อสินค้าราคาถูกอันนั้นก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน และไม่ได้ไปจำกัดว่าคนนั้นซื้อได้ คนนี้ซื้อไม่ได้ คนนั้นพามาซื้อได้ คนนี้พามาซื้อไม่ได้ เพราะประกาศก็ทราบกันทั่วไป
“ตอนนี้ก็ต้องเข้าโหมดของการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นที่ผ่านมาเราก็เห็นแล้วเรื่อง ดร.เอ้ ผมไม่ได้พูดถึงกรณีนี้นะ แต่บางกรณีมันกลายเป็นเรื่องที่เราก็เห็นชัดว่าเป็นเรื่องของการดิสเครดิตทางการเมืองกัน เช่นเรื่องของกรรมาธิการ (กมธ.) ที่อยู่ๆ ก็มาสอบบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งความจริงมันเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่อันนี้มันไม่ใช่ เพราะกรรมการธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบเป็นกรรมาธิการคณะหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งก็มีพรรคการเมืองทุกพรรคอยู่ในนั้น เพราะฉะนั้นมันก็หมิ่นเหม่ที่จะกลายเป็นเรื่องการเมืองได้ เป็นเรื่องดิสเครดิตทางการเมืองได้ ผมก็เลยเคยเตือนว่าขอให้ระมัดระวัง มันอาจจะนำไปสู่การกระทำที่มันไม่ถูกต้องตามกฎหมายและครรลองคลองธรรมที่มันควรจะเป็น หรืออาจจะเกินอำนาจหน้าที่ หรือมันไม่เหมาะที่จะมาทำหน้าที่ในลักษณะนี้ ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวก็จะมีคนยื่นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคอื่น พรรคนั้นพรรคนี้ด้วย ทีนี้มันก็จะกลายเป็นชุลมุนทางการเมืองโดยไม่จำเป็น เพราะฉะนั้นองค์กรที่เขามีหน้าที่เขามีอยู่แล้วคือ กรรมการ ป.ป.ช. ที่เป็นองค์กรอิสระในการตรวจบัญชีทรัพย์สิน หรือความร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ผิดปกติ” จุรินทร์กล่าว
พร้อมกับตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามถึงเรื่องดังกล่าวว่าได้ให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคตรวจสอบแล้วหรือไม่นั้น จุรินทร์กล่าวว่า ตนเคยเรียนแล้วว่าเขาจะลงสมัครในนามพรรค เพราะฉะนั้นกลไกของพรรคก็ต้องติดตาม