*บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์*
F4 Thailand เป็นซีรีส์ที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนเรื่อง Boys Over Flower หรือ Hana Yori Dango และถูกนำมาดัดแปลงเป็นเวอร์ชันภาพยนตร์และซีรีส์ในหลายประเทศ แต่ถึงอย่างนั้น F4 Thailand ก็ยังสามารถนำเรื่องราวที่หลายคนคุ้นเคยมาดัดแปลงและปรับให้เข้ากับบริบทสังคมในปัจจุบันได้อย่างน่าสนใจ จนทำให้เวอร์ชันนี้มีรสชาติที่แตกต่างออกไปและน่าติดตามไม่ต่างจากเวอร์ชันอื่นๆ
ท่ามกลางการเล่าถึงเรื่องราวของกลุ่ม F4 เกมใบแดง และการกลั่นแกล้งในโรงเรียน กอหญ้า (ตู-ต้นตะวัน ตันติเวชกุล) ถือเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่สร้างสีสันใหม่ๆ ให้กับ F4 Thailand และเป็นคาแรกเตอร์ที่ทำให้คนดูอยากติดตามเอาใจช่วยไปจนจบ เมื่อรวมเข้ากับการแสดงที่เป็นธรรมชาติและจริงใจของตู ก็ทำให้เราตกหลุมรักสาวน้อยธรรมดาๆ คนนี้ได้ไม่ยาก
‘ความกล้าหาญและสายตานักสู้’ คือสิ่งแรกที่เราได้เห็นจากกอหญ้า
ในตอนต้นของอีพีแรกเราได้รู้จักกอหญ้าผ่านการที่เธอแนะนำโรงเรียนให้ฮานะ (จูน-วรรณวิมล เจนอัศวเมธี) ซึ่งเป็นเพื่อนใหม่ฟัง กอหญ้าเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาที่เติบโตมาในครอบครัวชนชั้นกลาง-ล่าง แต่เพราะความสามารถของตัวเอง ทำให้กอหญ้าได้เข้ามาเป็นนักเรียนทุนในโรงเรียนนานาชาติที่ฉาบหน้าด้วยความหรูหรา แต่เบื้องหลังเต็มไปด้วยสิ่งที่คนนอกคาดไม่ถึง
การมีอยู่ของกลุ่ม F4 และเกมใบแดง ทำให้โรงเรียนเป็นเหมือนฝันร้ายสำหรับกอหญ้า แต่เธอก็พยายามอดทนใช้ชีวิตให้เป็นจุดสนใจน้อยที่สุด ตั้งใจเรียนและไม่สุงสิงกับใคร เพื่อที่จะเรียนจบอย่างที่ครอบครัวคาดหวัง แต่แล้วเธอก็ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ตัวเองพยายามหนีมาตลอด เมื่อฮานะ เพื่อนคนแรกในโรงเรียน ดันไปมีปัญหากับธาม (ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี) หนึ่งในกลุ่ม F4 โดยไม่ได้ตั้งใจ
กอหญ้ารีบออกโรงปกป้องเพื่อนของตัวเองทันที โดยที่ไม่รู้เลยว่าการต่อต้านธามในครั้งนั้นจะทำให้ตัวเองกลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับใบแดงจาก F4 และเมื่อใครก็ตามที่มีใบแดงแปะอยู่ในล็อกเกอร์ เท่ากับว่าคนในโรงเรียนจะกลั่นแกล้งหรือทำอะไรกับคนคนนั้นก็ได้ แต่กฎที่ต้องจำให้ขึ้นใจ คือ ห้ามบันทึกภาพและแพร่งพรายให้คนนอกรู้เด็ดขาด
แม้ในตอนนั้นธามอาจไม่ได้ต้องการทำร้ายผู้หญิงอย่างกอหญ้า แต่เพราะนิสัยแพ้ไม่เป็น ทำให้ธามตัดสินใจใช้วิธีข่มขู่กอหญ้า เพื่อให้เธอหยุดความคิดที่จะต่อต้านพวกเขา
แต่ความอดทนของกอหญ้าก็สิ้นสุดลง ในวินาทีที่รองเท้าคู่ใหม่ที่ทั้งครอบครัวเสียสละเงินซื้อมาให้เป็นของขวัญ โดนธามกรีดทิ้งถังขยะไปต่อหน้าต่อตา กอหญ้าตรงเข้าไปคว้ารองเท้าคู่นั้นมาใส่และกระโดดพุ่งเข้าเตะธาม ท่ามกลางสายตาคาดไม่ถึงของคนทั้งโรงเรียน
แววตานักสู้และเสียงเล็กที่ประกาศกร้าวในตอนที่กระชากคอเสื้อของธาม คือภาพจำที่ทำให้เราได้รู้จักกอหญ้ามากขึ้น และรับรู้ได้ในทันทีว่าเธอคือผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่กล้าหาญมากขนาดไหน
“จากวันนี้ไปฉันจะสู้กับทุกอย่างที่นายทำ ฉันจะไม่มีวันยอมแพ้นายแล้ว”
ในตอนนั้นเองแววตาของธามที่มองไปยังกอหญ้าก็เริ่มเปลี่ยนไปเช่นกัน
แม้แต่ในตอนที่เกิดเรื่องเข้าใจผิดจนทำให้กอหญ้าได้รับใบแดงอีกครั้ง และโดนเพื่อนในโรงเรียนกลั่นแกล้งด้วยการเผารถมอเตอร์ไซค์ของคะนิ้ง (พรีม-ชนิกานต์ ตังกบดี) เพื่อนสนิทของเธอ กอหญ้าที่โดนทำร้ายจนหน้าตามีแต่รอยฟกช้ำ ยังลุกขึ้นผลักผู้ชายที่ตัวโตกว่าโดยไม่กลัว
“มึงจะสู้อีกเหรอ”
“สู้ดิวะ”
ในน้ำเสียงที่สั่นเครือของกอหญ้า เราได้เห็นแววตาที่ไม่ยอมแพ้ซ่อนอยู่ ‘สู้ดิวะ’ อาจแปลว่า ต้องสู้ต่อไปแม้ว่าจะสู้ไม่ได้ หรือสู้แล้วอาจสูญเปล่า แต่เธอก็เลือกที่จะยืนหยัดทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อต่อไป
ผู้หญิงธรรมดากับการเป็นแรงบันดาลใจให้คนมากมาย
“พอได้เจอกับเธอ โลกที่เคยเล็กจิ๋วกลับกว้างใหญ่ขึ้น แต่ก็ยิ่งสวยงาม ทำให้พวกฉันได้รู้จักความเจ็บปวด ความเศร้า แต่ก็ได้เติบโต”
คำพูดของธามในตอนต้นอีพีแรกทำให้เรารู้ว่าการลุกขึ้นสู้กลับของกอหญ้าได้เปลี่ยนแปลงโลกของธามไปตลอดกาล ความกล้าหาญและแววตาที่มุ่งมั่นของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ทำให้ธามเริ่มเปลี่ยนไป
จาก ‘เด็กรวยนิสัยเสีย’ อย่างที่กอหญ้าเคยพูดไว้ ธามค่อยๆ เปลี่ยนเป็นคนใหม่โดยไม่รู้ตัว ความอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอของกอหญ้าค่อยๆ ละลายน้ำแข็งในใจธามไปทีละน้อย จนสุดท้ายเขาจึงยกเลิกเกมใบแดง และปล่อยให้ตัวเองหลุดพ้นจากชีวิตที่ต้องเหยียบย่ำหรือทำร้ายคนอื่นเพราะปมในใจอย่างที่ผ่านมา
สิ่งสำคัญคือธามได้เรียนรู้ว่าชัยชนะไม่ใช่ทุกอย่าง ความพ่ายแพ้ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว และเรียนรู้ความสำคัญของคำว่า ‘ขอโทษ’ ‘ขอบคุณ’ จากผู้หญิงธรรมดาๆ อย่างกอหญ้า
“เพราะความเข้มแข็งของเธอ ทำให้พี่เชื่อมั่นว่าพี่อยากใช้ชีวิตเท่ๆ แบบนั้นบ้าง”
มิรา (ฟ้า-ยงวรี อนิลบล) หญิงสาวที่เพรียบพร้อมทั้งหน้าตา ฐานะ และความสามารถ เป็นรุ่นพี่ที่กอหญ้ามองว่าเป็นไอดอลมาโดยตลอด แต่ในขณะเดียวกันความเข้มแข็งของกอหญ้าและการลุกขึ้นมาสู้กับกลุ่ม F4 ก็เป็นแรงบันดาลใจให้มิรากล้าที่จะใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการเช่นกัน
การบังเอิญเห็นคลิปกอหญ้าสู้กับธามเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้มิราสนใจในตัวเด็กผู้หญิงคนนี้ ยิ่งได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น กอหญ้าก็ทำให้มิราอยากจะกล้าและบ้าบิ่นให้ได้อย่างนั้นบ้าง สุดท้ายมิราจึงตัดสินใจเก็บกระเป๋า ทิ้งธุรกิจทุกอย่างที่ครอบครัวปูทางไว้ให้ แล้วทำตามความฝันของตัวเองด้วยการเป็นทนายด้านสิทธิมนุษยชนในต่างประเทศ
แม้ในชีวิตจริงการลุกขึ้นมาสู้กับอำนาจบางอย่างคงไม่ง่ายนัก และเราอาจไม่โชคดีแบบกอหญ้าที่มีเร็น (ดิว-จิรวรรตน์ สุทธิวณิชศักดิ์) มาคอยปกป้อง ไม่มีคนมาเห็นด้วย หรือธามอาจไม่ยอมยกเลิกเกมใบแดง แต่กอหญ้าก็ทำให้เรายังพอมีหวังกับโลกใบนี้มากขึ้นว่า ถ้าคนตัวเล็กๆ อย่างเราพยายามลุกขึ้นสู้กลับบ้าง
แม้จะเล็กน้อยแค่ไหน แต่มันก็อาจสร้างการเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้ไม่ต่างกัน
ครอบครัวคือพลังสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่
กอหญ้าคงไม่สามารถมีจิตใจที่กล้าหาญและเข้มแข็งได้เท่านี้ ถ้าขาดครอบครัวที่คอยสนับสนุนและอยู่เคียงข้างเธอมาตลอด เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่อีพีแรกว่าครอบครัวของกอหญ้ามักให้ความสำคัญและใส่ใจกับสมาชิกทุกๆ คนในครอบครัวเสมอ
ตอนที่กอหญ้ามีปัญหาจนอยากลาออกจากโรงเรียน พ่อ แม่ และน้องชายของเธอก็คอยให้กำลังใจเสมอ รองเท้าที่ทั้งครอบครัวยอมสละเงินเก็บเพื่อซื้อมันให้กอหญ้า กับคำพูดที่กำชับว่า “รองเท้าที่ดีจะพาเราไปในที่ที่ดี” ทำให้กอหญ้ามีพลังลุกขึ้นสู้ และรองเท้าคู่นั้นเองก็เป็นพลังให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างกอหญ้า กล้ากระโดดเตะธามโดยไม่กลัวผลลัพธ์ที่ตามมาเลยสักนิด
ในวันที่ทุกคนนั่งรับประทานข้าวกันพร้อมหน้าพร้อมตา เกมหมูวิเศษยิ่งแสดงให้เห็นถึงความรักและความใส่ใจที่ครอบครัวของกอหญ้ามีให้กัน ทุกคนนั่งฟังความเหนื่อยล้าของสมาชิกในครอบครัว แล้วมอบหมูชิ้นสุดท้ายให้กับคนที่ต้องการการเยียวยาจิตใจมากที่สุด มันอาจเป็นการให้กำลังใจที่เรียบง่าย แต่กลับทรงพลังในหัวใจของกอหญ้าเสมอ เพราะหมูชิ้นนั้นเป็นสิ่งที่บอกกับเธอว่า ต่อให้มีเรื่องทุกข์ใจมากแค่ไหน ยังมีคนที่พร้อมรับฟังและอยู่เคียงข้างเสมอ
F4 Thailand ยังคงดำเนินเรื่องราวไปอย่างเข้มข้น และมีปมปัญหาอีกหลายอย่างที่กอหญ้าและธามต้องช่วยกันแก้ไข พร้อมๆ กับการประคับประคองความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ที่คนดูต้องร่วมลุ้นเอาใจช่วยกันต่อไป