สำนักข่าว Al Jazeera เผยแพร่บทความวานนี้ (30 มกราคม) ชี้ว่า กองทัพเมียนมากำลังพยายามหันไปใช้ศาสนาพุทธเพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่ตนเอง หลังจากที่เผชิญกระแสต่อต้านจากการใช้ความรุนแรงปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงนับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิตไปแล้วเกือบ 1,500 คน
บทความระบุว่า ผู้นำรัฐประหารอย่างพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย มีความพยายามจะประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์แง่บวกของกองทัพเมียนมาในการสนับสนุนศาสนาพุทธอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเข้าพบพระเถระชั้นผู้ใหญ่ การเยี่ยมชมศาสนสถาน ไหว้พระ ตักบาตร ตลอดจนการวางแผนสร้างพระพุทธรูปปางนั่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งข่าวการอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาของผู้นำกองทัพถูกเผยแพร่ผ่านสื่อกระบอกเสียงของรัฐแทบทุกวัน
ช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งกองทัพเมียนมาได้ใช้กำลังปราบปรามกลุ่มต่อต้านในเมืองตันตลัง รัฐชิน ทางตะวันตกเฉียงเหนือ และเผาทำลายอาคารบ้านเรือนหลายร้อยหลัง ทำให้ประชาชนหลายพันคนต้องหนีตาย ปรากฏว่าไม่กี่วันหลังจากนั้น พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ได้เดินทางไปเยี่ยมเยือนศาสนสถานหลายแห่งในเมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับ 2 เพื่อแสดงความเคารพสักการะและตักบาตร
โดยเขาได้พบพระสงฆ์หลายรูป รวมถึง ภโม ศยาดอ ประธานคณะกรรมการคณะสงฆ์มหานายกะ ซึ่งเป็นคณะสงฆ์ระดับสูงที่รัฐบาลแต่งตั้งให้ดูแลศาสนาพุทธและคณะสงฆ์ในเมียนมา
ข่าวผู้นำกองทัพเข้าพบพระเถระชั้นผู้ใหญ่ถูกเผยแพร่ผ่านหน้าสื่อเมียนมาที่เป็นกระบอกเสียงของรัฐอย่างต่อเนื่องแทบทุกวันหลังจากนั้น ขณะที่สถาบันสันติภาพแห่งสหรัฐฯ (United States Institute of Peace) รายงานเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาว่า การประชาสัมพันธ์ภาพลักษ์ของกองทัพเมียนมาในการส่งเสริมศาสนาพุทธนั้นเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่า นับตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว
Sai Thet Naing Oo ผู้แทนเมียนมาของสถาบันสหพันธรัฐเพื่อสันติภาพและการเจรจา (Pyidaungsu Institute for Peace and Dialogue) ซึ่งทำงานในการรวบรวมความเห็นทางการเมืองในเมียนมา มองว่า กองทัพฉลาดที่เลือกวิธีใช้ศาสนาและพระสงฆ์ที่ได้รับความเคารพนับถือจากผู้คนในสังคมจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยให้การสร้างคะแนนนิยมและควบคุมสังคมให้เป็นไปตามที่ต้องการนั้นทำได้ง่ายขึ้น
“กองทัพฉลาดมากในการใช้ศาสนาเป็นจุดขาย หากคุณเป็นพระสงฆ์ในสังคม คุณมีความเคารพนับถือจากประชาชนอย่างแท้จริง นี่คือเหตุผลที่กองทัพต้องการใช้พวกเขา เพราะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากในการบงการสังคม ดังนั้นแม้จะมีสิ่งอื่นอีกมากมายที่สามารถทำได้ แต่มิน อ่อง หล่าย มักใช้เวลาไปเยี่ยมพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงอยู่เสมอ”
ทั้งนี้เมียนมาเป็นประเทศที่มีประชาชนนับถือศาสนาพุทธมากกว่า 90% โดยการเลือกใช้ศาสนานั้น เป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมของกองทัพเมียนมาที่ใช้มายาวนาน ระหว่างการปกครองประเทศด้วยรัฐบาลทหารช่วง 60 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม Agga Wantha พระสงฆ์วัย 30 ปีจากมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำการประท้วงต่อต้านรัฐประหารในพื้นที่ กล่าวว่า การเข้าหาศาสนาพุทธของกองทัพเมียนมาและมิน อ่อง หล่าย นั้นเป็นเพียงแค่การแสดง และไม่ควรถูกเรียกว่าเป็นชาวพุทธ เพราะชาวพุทธนั้น ‘ไม่ฆ่าคน’
“พุทธศาสนาของพวกเขาเป็นแค่การแสดงปลอมๆ พวกเขาไม่สมควรถูกเรียกว่าชาวพุทธ เราไม่ฆ่าคนอื่น อะไรที่พวกเขาทำอยู่ตอนนี้ตรงข้ามกับศาสนาพุทธอย่างสิ้นเชิง พวกเขาแค่บอกว่าพวกเขาเป็นชาวพุทธ แต่พวกเขากำลังทำเช่นนี้เพื่อยึดครองประเทศ” เขากล่าว
ภาพ: Photo by Aung Kyaw Htet/SOPA Images/LightRocket via Getty Images
อ้างอิง: