×

ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี เตือน ‘ภาวะเมธฮีโมโกลบิน’ หลังพบเด็กป่วยหลังกินไส้กรอก

28.01.2022
  • LOADING...
ภาวะเมธฮีโมโกลบิน

วันนี้ (28 มกราคม 2565) ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี เตือน ‘ภาวะเมธฮีโมโกลบิน’ (Methemoglobin) หลังพบเด็กป่วยด้วยภาวะนี้ 6 รายในสัปดาห์ที่ผ่านมาใน 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ 2 ราย, สระบุรี 1 ราย, กาญจนบุรี 1 ราย, เพชรบุรี 1 ราย และตรัง 1 ราย โดยทั้ง 6 รายมีประวัติรับประทานไส้กรอกไม่ทราบยี่ห้อและไม่มีเอกสารกำกับ อาการของผู้ป่วยคือ คลื่นไส้ เวียนศีรษะ เหนื่อย หายใจเร็ว เขียว ระดับออกซิเจนที่วัดปลายนิ้วต่ำ ในขณะนี้ยังไม่มีรายใดที่รุนแรงถึงแก่ชีวิต

 

ภาวะเมธฮีโมโกลบินคืออะไร

ภาวะเมธฮีโมโกลบินในเลือดหรือ ‘เมธฮีโมโกลบินนีเมีย’ (Methemoglobinemia) เป็นภาวะที่ ‘ฮีโมโกลบิน’ ในเม็ดเลือดแดงทำปฏิกิริยากับสารเคมีกลายเป็น ‘เมธฮีโมโกลบิน’ ซึ่งในภาวะปกติฮีโมโกลบินจะทำหน้าที่จับกับออกซิเจน เมื่อกลายเป็นเมธฮีโมโกลบินจะไม่สามารถจับกับออกซิเจนได้ ทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดออกซิเจน และสีเม็ดเลือดเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลดำ

 

ร่างกายปกติมีระดับความเข้มข้นของเมธฮีโมโกลบินประมาณ 1% และมีกลไกรักษาระดับเมธฮีโมโกลบินให้อยู่ในระดับปกติ แต่ถ้าได้รับสารพิษจะทำให้ความเข้มข้นของเมธฮีโมโกลบินมากขึ้น

  • ความเข้มข้น 3-15% ระดับออกซิเจนที่วัดปลายนิ้วต่ำลง
  • ความเข้มข้น 15-19% ผิวหนัง ปลายมือปลายเท้า ริมฝีปากสีคล้ำ
  • ความเข้มข้น 20-49% หายใจลำบาก เหนื่อยง่ายขึ้น เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เป็นลม
  • ความเข้มข้น 50-60% ชีพจรเร็ว หายใจเร็ว ซึม ชัก หมดสติ
  • ความเข้มข้น > 70% เสียชีวิต

 

สาเหตุเกิดจากอะไรได้บ้าง

สารเคมีที่ทำให้เกิดภาวะเมธฮีโมโกลบินนีเมีย ได้แก่ 

  • อาหารที่มีปริมาณดินประสิว (Potassium nitrate) เกินขนาด 
  • สีย้อม 
  • ลูกเหม็น 
  • น้ำดื่มที่ปนเปื้อนปุ๋ยไนเตรท
  • คลอโรเบนซีน 
  • สารกำจัดวัชพืชบางชนิด

 

สำหรับกรณีดังกล่าว ศูนย์พิษวิทยาสงสัยสาเหตุจากไส้กรอก ซึ่งเด็กทั้ง 3 จังหวัดรับประทานเหมือนกัน เป็นไส้กรอกที่ติดป้ายว่า ‘ฟุตลองไก่รมควัน’ ไม่มียี่ห้อ ไม่มีวัน-สถานที่ผลิต ไม่ลงวันหมดอายุ ลักษณะภายนอกไม่ต่างจากไส้กรอกปกติ เนื่องจากสีของไส้กรอก แฮม เบคอน หรือลูกชิ้นไม่ได้บอกว่ามีปริมาณไนเตรทมากหรือน้อย และการปิ้งย่างทอดไม่ได้ทำลายสารพิษนี้

 

สารไนไตรท์-ไนเตรทในอาหาร

ไนไตรท์-ไนเตรท์เป็นสารเคมีที่นิยมใช้เป็นสารกันเสีย และทำให้เกิดสีในเนื้อสัตว์เป็นสีแดงอมชมพูในผลิตภัณฑ์เนื้อแปรรูป หากได้รับในปริมาณที่สูงเกินจะเกิดผลต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็ก 

 

ในประเทศไทยเคยพบภาวะเมธฮีโมโกลบินนีเมียในผู้ป่วยเด็กที่บริโภคไส้กรอกไก่ ซึ่งมีปริมาณสารไนไตรท์มากกว่า 3,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม (มก./กก.) ที่จังหวัดอยุธยา เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2550 และผู้ป่วยจำนวน 24 ราย ที่อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย หลังจากการบริโภคไก่ทอดที่ใช้สารไนไตรท์ ซึ่งใช้ปริมาณมากเกิดกว่าปริมาณสูงสุดที่อนุญาตหลายเท่า โดยพบว่ามีการใช้โซเดียมไนไตรท์ 100%

 

ทั้งนี้ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 418 พ.ศ. 2563 ออกตามความในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการใช้ และอัตราส่วนของวัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 2) ได้กำหนดปริมาณสูงสุดที่อนุญาตให้ใช้โซเดียมไนไตรท์หรือโพแทสเซียมไนไตรท์สำหรับผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์บดไม่เกิน 80 มก./กก. และโซเดียมไนเตรทหรือโพแทสเซียมไนเตรทไม่เกิน 200 มก./กก.

 

การรักษาภาวะเมธฮีโมโกลบินนีเมีย

หากสงสัยว่ามีภาวะนี้คือมีอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ เหนื่อย หายใจเร็ว เขียว ควรรีบไปพบแพทย์ โดยแพทย์จะรักษาประคับประคองตามอาการ ให้ออกซิเจนเสริมหากมีอาการเหนื่อยหรือเขียว ให้น้ำเกลือทดแทนหรือหากมีภาวะความดันโลหิตต่ำ และใส่ท่อช่วยหายใจหากมีภาวะหมดสติหรือการหายใจไม่เพียงพอ ยาต้านพิษคือ ‘เมธิลีนบลู’ (Methylene Blue) แพทย์จะพิจารณาให้เมื่อมีข้อบ่งใช้

 

ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดีแจ้งให้ระวังการรับประทานไส้กรอกจากแหล่งที่ไม่แน่ชัดหรือไม่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะเด็ก เนื่องจากจะไวต่อสารกลุ่มนี้มากกว่าผู้ใหญ่ หากมีอาการผิดปกติควรไปตรวจที่โรงพยาบาล ขณะนี้ทางศูนย์พิษวิทยาประสานกองระบาดวิทยา​ กรมควบคุมโรค​ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อดำเนินการสืบค้นแหล่งที่มาของการระบาดเพิ่มเติมแล้ว

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X