สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำกรุงเคียฟได้ขอให้กระทรวงการต่างประเทศอนุมัติให้บุคลากรที่ไม่จำเป็นและครอบครัวเดินทางกลับประเทศ จากการเปิดเผยของแหล่งข่าวหลายราย
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับรัฐบาลยูเครนเผยกับ CNN ว่า สหรัฐฯ ได้แจ้งยูเครนว่าน่าจะเริ่มอพยพครอบครัวนักการทูตจากสถานทูตในเคียฟได้เร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า ทั้งยังเผยด้วยว่า ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ได้พูดคุยกับ แอนโทนี บลินเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เกี่ยวกับเรื่องนี้ และบอกกับบลินเคนว่า การดำเนินการดังกล่าวของสหรัฐฯ จะเป็น “ปฏิกิริยาที่รุนแรงเกินไป”
อย่างไรก็ดี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า “ไม่มีอะไรจะประกาศในขณะนี้” พร้อมกล่าวเสริมว่า “เราดำเนินการวางแผนฉุกเฉินอย่างเข้มงวดเช่นที่เราทำเสมอในกรณีที่สถานการณ์ความมั่นคงเลวร้ายลง” ขณะที่โฆษกของสถานทูตปฏิเสธให้คำยืนยันรายงานข่าวดังกล่าว และขอให้ CNN สอบถามจากระทรวงการต่างประเทศในวอชิงตัน
ด้านเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศรายหนึ่งกล่าวว่า ทางกระทรวงจะไม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับการหารือที่เป็นส่วนตัว พร้อมกับเสริมว่าการตัดสินใจเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ในต่างประเทศอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัยและความมั่นคงของชาวอเมริกันเป็นสำคัญ
คำขอของสถานทูตถือเป็นการเพิ่มระดับจากรายงานของ CNN เมื่อเดือนที่แล้วว่า สหรัฐฯ กำลังวางแผนฉุกเฉินเพื่ออพยพชาวอเมริกันออกจากยูเครน ท่ามกลางความกังวลว่ารัสเซียอาจบุกเข้าโจมตีประเทศ โดยจากการประเมินข่าวกรองล่าสุดของกระทรวงกลาโหมยูเครนในสัปดาห์นี้ ทำให้เชื่อว่าขณะนี้รัสเซียระดมกำลังทหารใกล้ชายแดนยูเครนมากกว่า 127,000 นายแล้ว
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกคำแนะนำการเดินทางระดับสูงสุดสำหรับยูเครนแล้ว โดยแนะนำชาวอเมริกันไม่ให้เดินทางไปยังยูเครน และให้ติดตามรายงานที่รัสเซียกำลังวางแผนดำเนินการทางทหารต่อยูเครน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังคงไม่ทราบว่าแผนการของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน คืออะไร หรือจะตัดสินใจบุกยูเครนหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่บางรายที่ได้รับทราบเกี่ยวกับข่าวกรองเผยว่า มีหลักฐานว่ารัสเซียกำลังวางแผนที่จะบุกยึดเคียฟและโค่นล้มรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งกำลังทหารจากเขตทหารตะวันออกของรัสเซียไปยังเบลารุสเมื่อวันจันทร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และนักวิเคราะห์ด้านการทหารรัสเซียเชื่อว่าเป็นลางบอกเหตุ
ภาพ: Volodymyr Tarasov / Ukrinform / Barcroft Media via Getty Images
อ้างอิง: