เกิดอะไรขึ้น:
เช้าวันนี้ (วันที่ 21 มกราคม) บมจ.ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) รายงานกำไรสุทธิ 4Q64 จำนวน 9.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 15%QoQ แต่ลดลง 25%YoY โดยผลประกอบการสะท้อนถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่ทรงตัว โดย NPL ลดลง 2%QoQ (เพิ่มขึ้น 8% ถ้าบวกยอดตัดหนี้สูญกลับเข้ามา) Credit Cost เพิ่มขึ้น 30 bps QoQ สู่ 1.58% LLR Coverage เพิ่มขึ้นสู่ 139%, สินเชื่อเติบโต 8%YoY แต่ลดลง 1%QoQ, NIM ลดลง 8 bps QoQ
โดยเกิดจากผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ที่ลดลง 8 bps QoQ ขณะที่ต้นทุนทางการเงินอยู่ในระดับทรงตัว, non-NII ที่สูงขึ้น 29%QoQ (ลดลง 4%YoY) หลักๆ เกิดจากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่เพิ่มขึ้น และรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิที่สูงขึ้น (เพิ่มขึ้น 2%QoQ, เพิ่มขึ้น 5%YoY) และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ เพิ่มขึ้น 530 bps QoQ (เพราะปัจจัยฤดูกาล), ลดลง 473 bps (เพราะ OPEX ลดลง และรายได้เพิ่มขึ้น)
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (วันที่ 21 มกราคม) ราคาหุ้น KBANK ปรับตัวลดลง 0.71%DoD สู่ระดับ 140.00 บาท แย่ว่า SET Index ที่ปรับตัวลง 0.3%DoD สู่ระดับ 1,652.73 จุด
มุมมองระยะสั้น:
ผลประกอบการ 4Q64 ของ KBANK ออกมาดีเกินคาด โดยสูงกว่า SCBS คาดอยู่ 16% และสูงกว่า Consensus คาดอยู่ 34% เพราะกำไรที่เกิดขึ้นครั้งเดียว โดยผลประกอบการสะท้อนถึงคุณภาพสินทรัพย์ที่ทรงตัว สินเชื่อในระดับทรงตัว QoQ NIM ที่ลดลง non-NII ที่สูงขึ้น และ OPEX ที่ลดลง
มุมมองระยะยาว:
SCBS คาดว่าในปี 2565 กำไรของ KBANK จะฟื้นตัว 16% โดยคาดว่า Credit Cost จะลดลง 13 bps สินเชื่อจะเติบโต 6% NIM จะลดลง 6 bps และ non-NII จะเพิ่มขึ้น 2% อย่างไรก็ดี SCBS ปรับประมาณการกำไรปี 2565 เพิ่มขึ้น 4% เพื่อสะท้อนผลประกอบการ 4Q64 ที่ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับมี Upside จาก Credit Cost และด้วยความเป็นผู้นำในด้านดิจิทัลแบงกิ้ง
นอกจากนี้ยังคาดว่าในปี 2565 ธนาคารต่างๆ จะมุ่งสู่ดิจิทัลแบงกิ้ง เช่น สินเชื่อส่วนบุคคลที่ให้ผลตอบแทนสูง และธุรกิจการบริหารความมั่งคั่งมากขึ้น แต่คาดว่าจะยังคงให้ความสำคัญกับคุณภาพสินทรัพย์มากกว่าการเติบโตของสินเชื่อในปี 2565
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP