Evergrande เข้าสู่วิกฤตขั้นหนักสุดแล้ว หลังจากพยายามหาเงินมาจ่ายหนี้สินมูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์แต่ก็ไม่สามารถทำได้ และยังผิดนัดชำระจ่ายดอกเบี้ยพันธบัตรแก่เจ้าหนี้มากมาย ล่าสุดได้ส่งจดหมายถึงตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ยอมรับว่าจากสถานะสภาพคล่องในปัจจุบัน บริษัทไม่มีหลักประกันว่าจะมีเงินทุนเพียงพอที่จะปฏิบัติตามภาระผูกพันทางการเงิน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางการท้องถิ่นในมณฑลกวางตุ้งซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ Evergrande ได้เรียก สวี่ เจียอิ้น ผู้ก่อตั้ง Evergrande Group เข้าพบ หลังจากบริษัทแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงว่า ไม่รับรองว่าจะมีเงินพอจ่ายคืนเจ้าหนี้
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 ธันวาคม) Evergrande ส่งหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงว่า ได้รับการไถ่ถามจากเจ้าหนี้ถึงมูลหนี้ของบริษัทประมาณ 260 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่บริษัทไม่สามารถหาเงินมาชำระดอกเบี้ยพันธบัตร มูลค่า 82.5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งได้ครบกำหนดไปแล้วในวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา และมีระยะเวลาผ่อนผันจนถึงวันวันจันทร์นี้ (6 ธันวาคม) และบริษัทไม่มีหลักประกันใดๆ มารับรองว่าจะมีเงินทุนเพียงพอสำหรับการชำระคืนหนี้ที่ถูกทวงถาม
“จากสถานะสภาพคล่องในขณะนี้ ไม่มีหลักประกันว่าทางบริษัทจะมีเงินทุนเพียงพอที่จะปฏิบัติตามภาระผูกพันทางการเงินอย่างต่อเนื่อง” ส่วนหนึ่งของหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ของ Evergrande ระบุไว้
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อแสดงความตั้งใจในการแก้ไขปัญหา ดังข้อความว่า “Evergrande ตั้งใจที่จะมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับเจ้าหนี้เพื่อจัดทำแผนการปรับโครงสร้างหนี้ที่เป็นไปได้ เพื่อจัดการกับหนี้ในต่างประเทศ”
ทั้งนี้ Evergrande เคยเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มียอดขายสูงสุดในจีน กำลังต่อสู้อย่างหนักกับหนี้สินมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ทำให้เกิดความกลัวว่าการล้มของ Evergrand อาจจะสร้างแรงแรงกระแทกไปยังภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศและธุรกิจอื่นๆ อีกมาก
และทันทีที่หนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์ของ Evergrande เผยแพร่ออกไป รัฐบาลท้องถิ่นมณฑลกวางตุ้งได้เรียก สวี่ เจียอิ้น เข้าพบ และยังมีแถลงการณ์จากทางการมณฑลท้องถิ่นออกมาเพิ่มเติมโดยระบุว่า จะดำเนินการ (ตามที่ Evergrande ร้องขอ) ส่งทีมงานเข้าไปที่ Evergrande เพื่อควบคุมการบริหารความเสี่ยง ควบคุมการดำเนินกิจการภายใน และทำให้การดำเนินกิจการเป็นไปตามปกติ
ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางจีนก็มีการเคลื่อนไหวหลังจากการประกาศของ Evergrande โดยระบุว่าปัญหาของ Evergrande ส่วนใหญ่เกิดจากการบริหารที่ผิดพลาดและการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วเกินไป และย้ำว่าความเสี่ยงระยะสั้นที่เกิดจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์เพียงแห่งเดียวจะไม่กระทบกับการระดมเงินทุนของตลาดในระยะกลางและระยะยาว พร้อมกับเสริมว่า ในตอนนี้การขายบ้าน การซื้อที่ดิน และการจัดหาเงินทุนเพื่ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนได้กลับสู่ภาวะปกติแล้ว
ด้านคณะกรรมการกำกับดูแลภาคธนาคาร (CBIRC) ระบุว่า กรณีของ Evergrande ไม่กระทบกับการดำเนินการตามปกติของภาคอสังหาริมทรัพย์
เช่นเดียวกันกับคณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารและการประกันภัยแห่งประเทศจีน (CBIRC) ที่ออกมาระบุว่า ผลกระทบใดๆ ต่อตลาดทุนยังควบคุมได้ และคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีน (CSRC) ยังเดินหน้าสนับสนุนการหาเงินทุนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ต่อไป
ก่อนหน้านี้ สวี่ เจียอิ้น ขายหุ้น Evergrande จำนวน 1,200 ล้านหุ้น มูลค่า 344 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้จำนวนหุ้นที่สวี่มีลดลงจาก 77% เหลือ 68%
ทางด้านศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย Texas A&M กล่าวกับ Bloomberg ว่าจากสถานการณ์ล่าสุดที่ สวี่ เจียอิ้น พยายามขายทรัพย์สินส่วนบุคคลเพื่อนำเงินมาช่วยชำระหนี้ของ Evergrande อาจไม่เพียงพอต่อการบรรเทาวิกฤต
อ้างอิง: