ตัวเลขที่น่าสนใจในวันนี้คือ 1,097 เกม 801 ประตู หรือคิดเป็นค่าเฉลี่ยแล้ว 0.73 ประตูต่อเกม
นี่คือสถิติมหัศจรรย์ของ คริสเตียโน โรนัลโด นักฟุตบอลคนแรกในประวัติศาสตร์โลกที่ยิงประตูในเกมการแข่งขันแมตช์ทางการได้เกิน 800 ประตู หลังจากที่กดคนเดียว 2 ประตู ช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกกลับมาเอาชนะ (อีกแล้ว) อาร์เซนอลได้ในเกมสุดมันที่โอลด์แทรฟฟอร์ดเมื่อคืนที่ผ่านมาด้วยสกอร์ 3-2
อลัน เชียเรอร์ ตำนานสุดยอดดาวยิงทีมชาติอังกฤษ กล่าวหลังจากที่ได้เห็นโรนัลโดในเกมล่าสุดว่า “เราทำได้แค่นั่งดูเขาแล้วร้อง ‘ว้าว’ และปรบมือให้กับผู้ชายคนนี้
“มันมาจากความตั้งใจของเขา การจะขึ้นมาสู่จุดสูงสุดนั้นมันยากมาก แต่การอยู่ในจุดนี้ให้ได้ก็ยากไม่แพ้กัน มันหมายถึงการต้องตื่นเช้าและออกไปทำหน้าที่อย่างตั้งใจ โดยที่คนทั้งโลกก็รอที่จะจับตาดูอยู่ สิ่งที่เขาทำมันคือสิ่งมหัศจรรย์”
สำหรับจำนวน 801 ประตูนี้ แยกเป็นการยิงประตูให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 130 ประตู, สปอร์ติง ลิสบอน 5 ประตู, เรอัล มาดริด 450 ประตู, ยูเวนตุส 101 ประตู และอีก 115 ประตูสำหรับทีมชาติโปรตุเกส โดยที่ตัวเลขรวมจะรันไปถึงไหนยังไม่มีใครทราบ
ที่แน่นอนแล้วคือ นอกจากเขาจะเป็นเจ้าของสถิติผู้ทำประตูในเกมทางการสูงสุดแล้ว โรนัลโดยังเป็นเจ้าของสถิติผู้ทำประตูในนามทีมชาติสูงสุดสำหรับฟุตบอลชายด้วย
โรนัลโดคือดาวซัลโวสูงสุดคลอดกาลหรือยัง?
เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมาสักระยะแล้วว่า ตกลงแล้วโรนัลโดจะเป็นเจ้าของผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลได้หรือยัง
เพราะหากมองสถิติตัวเลขอย่างเป็นทางการแล้วมันควรจะเป็นอย่างนั้น เพียงแต่ยังมีการโต้เถียงจากฝ่ายของเปเล ราชาลูกหนังตลอดกาล ที่อ้างว่ามีการทำประตูเกินกว่า 1,000 ประตู (โรมาริโอ อดีตศูนย์หน้าทีมชาติบราซิลก็เป็นอีกคน) เพียงแต่สำหรับ 2 คนนี้ สถิติดังกล่าวมีการนับรวมเกมอุ่นเครื่องด้วย ซึ่งถ้าตัดส่วนนี้ออกไปสถิติจะลดลงมาก เหลือแค่หลัก 700 ประตู
สถิติอย่างไม่เป็นทางการโดยสำนัก RSSSF ระบุว่า เปเลยิงได้ 769 ประตูในเกมอย่างเป็นทางการ ขณะที่โรมาริโอ และเฟเรนซ์ ปุสกัส ตำนานดาวยิงชาวฮังการี ตามมาไม่ห่างที่ 761 ประตูเท่ากัน จากนั้นคือ ลิโอเนล เมสซี ที่ทำไป 756 ประตู (ทีมชาติอาร์เจนตินา 80, บาร์เซโลนา 672 และปารีส แซงต์ แชร์กแมง 4)
แต่ถ้าไปถามสมาคมฟุตบอลเช็กแล้ว จะได้คำตอบว่าคนที่เป็นเจ้าของสถิติจริงๆ ควรจะเป็น โจเซฟ ไบคาน อดีตนักเตะชาวเช็กโกสโลวะเกียและออสเตรีย ที่ทำประตูไป 821 ลูกในเกมอย่างเป็นทางการ เพียงแต่สถิตินี้นับรวมเกมสำรองและเกมทีมชาตินัดที่ไม่มีการบันทึกอย่างเป็นทางการด้วย
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าในเวลาไม่นาน โรนัลโดน่าจะสามารถทำลายสถิติดังกล่าวของไบคานได้ และจะทำให้เขาขึ้นชื่อเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลแบบที่ไม่มีใครจะโต้แย้งอะไรได้อีก
อนาคตในมือรังนิก
สิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยกว่าเรื่องของตัวเลขสถิติการทำประตูคือเรื่องอนาคตของโรนัลโดภายใต้การดูแลของ ราล์ฟ รังนิก ผู้จัดการทีมชั่วคราวคนใหม่ ที่จะเข้ามารับตำแหน่งจนจบฤดูกาล ว่าทั้งสองจะสามารถปรับคลื่นจูนหากันได้ไหม
เพราะสไตล์การเล่นในแบบของรังนิกนั้นเป็นที่รู้กันในวงการว่านี่คือเจ้าพ่อเกมเพรสซิง ซึ่งเป็นสิ่งที่สตาร์โปรตุเกสถูกเพ่งเล็งมากที่สุด เนื่องจากด้วยวัย 36 ปีนั้น โรนัลโดแทบจะไม่ช่วยเพรสซิงเลยแม้แต่น้อย เรียกว่าเป็นกองหน้าที่เพรสซิงน้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีก
โค้ชที่ชอบระบบเพรสซิงกับกองหน้าที่ไม่ช่วยเพรส นี่คือความท้าทายอย่างมากสำหรับทั้ง 2 ฝ่าย
เรื่องนี้กูรูอย่าง โรเบิร์ต กรีน อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษ ให้ความเห็นผ่านรายการทางสถานีวิทยุ BBC Radio 5 Live เอาไว้น่าสนใจ
“รังนิกไม่จำเป็นต้องส่งโรนัลโดลงสนามก็ได้ เขาทำได้ทุกอย่างที่เขาต้องการอยู่แล้ว” กรีนให้ความเห็น “ถามว่าโรนัลโดเพรสได้ไหม? เขาอาจจะบอกว่าลองดูระยะทางที่เขาวิ่งในช่วงไม่กี่นาทีที่ผ่านมาสิ ระยะทางของสนามก่อนจะไปถึงเขตโทษ ผมสามารถทำได้ ผมสามารถวิ่งได้
“โรนัลโดเป็นคนที่ฟิตอยู่แล้ว พวกเขาทั้ง 2 คนคงจะนั่งคุยกันระหว่างผู้จัดการทีมและโรนัลโด และหารือกันว่าเดี๋ยวจะเล่นกันแบบนี้ เล่นได้ไหม? ซึ่งผมมั่นใจว่าโรนัลโดจะตอบว่าเขาทำได้แน่”
แต่เรื่องนี้คงต้องรอดูกันในระยะยาว เพียงแต่จากสิ่งที่รังนิก ซึ่งมาปรากฏตัวครั้งแรกที่โรงละครแห่งความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมาได้เห็นเต็มๆ คือความสุดยอดในฐานะของการเป็นจอมจบสกอร์ของ CR7
คุณค่านั้นมากเกินกว่าที่ใครจะมองข้ามได้ จึงขึ้นอยู่กับกุนซือวัย 63 ปีเอง ว่าจะเลือกหาวิธีใช้งานอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะเห็นได้ชัดว่าหากเลือกใช้งานได้ถูกวิธีตามคู่มือการใช้งานแล้ว
นี่คือนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดของโลกในกรอบ 18 หลา ที่พร้อมจะส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้ทุกเวลานาที ขอแค่ป้อนมาให้ถูกที่เถอะ
อ้างอิง: