ตลาดหลักทรัพย์คาดว่าสภาวะการซื้อขายตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 4 ปีนี้จะดีขึ้นต่อเนื่อง หากประเทศไทยสามารถฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมาย เปิดทางเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว และดึงความน่าสนใจสู่กลุ่มท่องเที่ยวและบริการอีกครั้ง เผยอยู่ระหว่างศึกษาเกณฑ์คุ้มหุ้นร้อนแรงเพิ่ม คาดนำใช้ได้เร็วๆ นี้
ดร.ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวในงานแถลงสสรุปภาวะตลาดหลักทรัพย์ประจำเดือนกันยายน 2564 ว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 4/64 น่าจะปรับตัวดีขึ้นในทิศทางเดียวกับเศรษฐกิจของไทย ซึ่งจากข้อมูลเมื่อเร็วๆ นี้พบว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้น ทั้งเรื่องการส่งออกและการผลิต
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจที่ต้องติดตามต่อคือ ความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน ซึ่งจะมีผลต่อทุนผู้ประกอบการด้วยเช่นกัน
สำหรับแนวโน้มเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ยังไม่สามารถประเมินได้ชัดเจน เพราะมีปัจจัยทางเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้ต้องคอยติดตามและพิจารณาถึงผลกระทบต่อตลาดหุ้นและเศรษฐกิจเป็นระยะ อีกทั้งยังต้องติดตามการตอบรับ (Reaction) ต่อปัจจัยต่างๆ ของประเทศอื่นด้วย
“ก่อนหน้านี้จุดแข็งของตลาดทุนไทยคือภาคการส่งออกที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งจนสามารถขยายกิจการไปต่างประเทศได้หลากหลาย แต่ล่าสุดก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 จึงมองว่าหากในไตรมาสนี้ประเทศไทยสามารถฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้ตามเป้าหมาย ก็จะทำให้ภาคการส่งออกรวมถึงท่องเที่ยวและบริการที่เป็นอีกอุตสาหกรรมที่เคยโดดเด่น กลับมาฟื้นตัวดีขึ้นและได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้ง”
ดร.ภากร กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์เตรียมเปิดให้บริการ LiVE Exchange ในปลายปี 2564 หลังจากร่วมกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อพัฒนากฎเกณฑ์รองรับการระดมทุนรองสำหรับ SMEs และ Startups เพื่อเพิ่มช่องทางการระดมทุนสำหรับผู้ประกอบการและเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้กับผู้ลงทุน
ขณะเดียวกันตลาดหลักทรัพย์ยังอยู่ระหว่างการศึกษาเรื่องการใช้มาตรการ หรือเครื่องมืออื่นๆ เพิ่มเติมจากมาตรการเดิม เพื่อควบคุมความเคลื่อนไหวราคาหุ้นที่มีผันผวนสูง โดยได้ดำเนินการผ่านไปแล้วหลายขั้นตอน และเหลือกระบวนการอีกไม่มาก เช่นเดียวกับเกณฑ์การใช้ Free Float เข้ามาคำนวณดัชนี ก็รออนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต.
หุ้นไทย 9 เดือนแรกปีนี้เพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยในภูมิภาค
ศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 SET Index ปิดที่ 1,605.68 จุด ลดลง 2.0% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า เมื่อพิจารณาช่วง 9 เดือนแรกปี 2564 SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 10.8% ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร และกลุ่มบริการ โดยมีรายละเอียดดังนี้
ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 SET Index ปิดที่ 1,605.68 จุด ลดลง 2.0% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า เมื่อพิจารณาช่วง 9 เดือนแรกปี 2564 SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 10.8% จากสิ้นปี 2563 ซึ่งปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ
SET Index ใน 9 เดือนแรกปี 2564 ได้แรงหนุนจากเกือบทุกอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2563 ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร และกลุ่มบริการ
ในเดือนกันยายน 2564 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 100,827 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110.5% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยใน 9 เดือนแรกปี 2564 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 96,463 ล้านบาท
ผู้ลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิเป็นเดือนที่สองต่อเนื่องกันในปี 2564 โดยในเดือนกันยายน 2564 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 10,803 ล้านบาท ทั้งนี้ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2564 ผู้ลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวม 79,172 ล้านบาท โดยผู้ลงทุนในประเทศมีสถานะเป็นผู้ซื้อสุทธิ 105,753 ล้านบาท นอกจากนี้ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้ลงทุนในประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดมาอย่างต่อเนื่อง
ในเดือนกันยายน 2564 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายใหม่ใน SET 2 บริษัท และ ใน mai 2 บริษัท โดยใน 9 เดือนแรกปี 2564 SET มีมูลค่าเสนอขายในตลาดแรก (IPO) สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ใน ASEAN
Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 อยู่ที่ระดับ 18.9 เท่า และ 19.8 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชีย ซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.9 เท่า และ 17.8 เท่าตามลำดับ
อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 อยู่ที่ระดับ 2.74% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.47%
ในเดือนกันยายน 2564 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 679,223 สัญญา เพิ่มขึ้น 43.6% จากเดือนก่อน และในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 550,194 สัญญา เพิ่มขึ้น 18.0% ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ Single Stock Futures, Gold Online Futures และ USD Futures เป็นสำคัญ