วานนี้ (21 กันยายน) รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. เห็นชอบร่างประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. …. ตามที่ได้ปรับแก้ไขให้เป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม (ก.ม.จ.) ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การประพฤติปฏิบัติอย่างมีคุณธรรมของข้าราชการการเมือง โดยสาระที่ได้ปรับแก้เพิ่มเติมมีดังนี้
- เพิ่มพฤติกรรมการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 เพื่อให้ข้าราชการการเมืองต้องดำรงตนโดยเปิดเผยหรือให้ข้อมูลข่าวสารอันอยู่ในความรับผิดชอบของตนอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และไม่บิดเบือน แก่ประชาชน
- เพิ่มเติมถ้อยคำ ‘การดำเนินการทางวินัย’ โดยกำหนดให้ข้าราชการการเมืองต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นข้าราชการการเมือง เข้าก้าวก่ายหรือแทรกแซงเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัย
นอกจากนี้ที่ประชุมได้เห็นชอบให้นำร่างประมวลจริยธรรมใช้บังคับกับบุคคลหรือผู้ปฏิบัติงานให้แก่ข้าราชการการเมืองในตำแหน่งที่ปรึกษาหรือตำแหน่งอื่นๆ ที่รัฐมนตรีแต่งตั้งนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี พ.ศ. 2546 โดยอนุโลมด้วย
สำหรับสาระสำคัญของร่างประมวลจริยธรรมทั้งฉบับประกอบด้วย
- ต้องยึดมั่นในสถาบันหลักของประเทศ อันได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
- ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มีจิตสำนึกที่ดี และรับผิดชอบต่อหน้าที่
- ต้องกล้าตัดสินใจและกระทำในสิ่งที่ถูกต้อง ชอบธรรม
- ต้องดำรงตนโดยเปิดเผยหรือให้ข้อมูลข่าวสารอันอยู่ในความรับผิดชอบของตนอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และไม่บิดเบือน แก่ประชาชน
- ต้องยึดถือประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม และมีจิตสาธารณะ
- ต้องปฏิบัติหน้าที่โดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน โดยต้องดำรงตนปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ
- ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ และไม่ใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นข้าราชการการเมืองเข้าก้าวก่ายหรือแทรกแซงเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัย
- ต้องดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีและรักษาภาพลักษณ์ของทางราชการ