เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ส่งจดหมายเตือนถึงสภาคองเกรสของสหรัฐฯ เรียกร้องให้บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเร่งเดินหน้าพิจารณาขยายเพดานหนี้ของประเทศ ก่อนที่รัฐบาลกลางจะไม่มีเงินสดหมุนเวียน และเสี่ยงทำให้สหรัฐฯ ต้องผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในช่วงเดือนตุลาคมนี้
ทั้งนี้รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้ยกตัวอย่างประวัติศาสตร์ในอดีตที่ผ่านมา ที่แสดงให้เห็นว่าการรอจนกระทั่งนาทีสุดท้ายก่อนขยายเพดานหนี้มีผลกระทบทางลบต่อภาคธุกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอย่างรุนแรง ทำให้ต้นทุนกู้ยืมสูงขึ้น และอันดับเครดิตความเชื่อมั่นของสหรัฐฯ จากภาคธุรกิจและนักลงทุนทั่วโลกปรับตัวลดลง
เหตุผลเพราะการผิดนัดชำระหนี้แค่เพียงครั้งเดียว จะทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามถึงความสามารถในการบริหารของรัฐบาลสหรัฐฯ ในปัจจุบัน ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถือเป็นความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ไม่มีสิ่งใดจะมาชดเชยทดแทนได้
ขณะเดียวกันแม้ว่าการขยายเพดานหนี้จะไม่ใช่แนวทางแก้ไขเศรษฐกิจและปัญหาหนี้สินภายในสหรัฐฯ แต่วิธีดังกล่าวเป็นหนึ่งในแนวทางที่ดีที่สุดในขณะนี้ที่จะทำให้สหรัฐฯ เดินไปข้างหน้าต่อได้
ข้อเรียกร้องกึ่งคำเตือนของเยลเลนได้รับเสียงสนับสนุนจากนักวิเคราะห์แทบจะทุกสำนักซึ่งเห็นตรงกันว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่อาจแบกรับความเสียหายจากการที่สหรัฐฯ ผิดนัดชำระหนี้ได้
มาร์ค แซนดี (Mark Zandi) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากมูดี้ส์ อะนาไลติกส์ ระบุว่า การผิดชำระหนี้ถือเป็นภัยพิบัติทางการเงินที่จะทำให้ระบบเงินทั้งประเทศสหรัฐฯ ล่มสลาย เพราะจะทำให้สหรัฐฯ เสียเครดิตความน่าเชื่อถือในทันที โดยต้องไม่ลืมว่าที่ผ่านมาต่อให้มีหนี้มหาศาลแค่ไหน รัฐบาลสหรัฐฯ ก็ยังได้รับความเชื่อมั่นจากทั่วโลก ทำให้ต้นทุนกู้ยืมของรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่แพงและทำได้ง่าย ก่อนชี้ให้เห็นถึงวิกฤตในปี 2011 ที่การขยายเพดานหนี้ยืดเยื้อจน Standard & Poor’s หั่นเครติดสหรัฐฯ ลงเป็นครั้งแรก
ขณะที่นักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่งเตือนว่า ต้นทุนกู้ยืมที่สูงขึ้นจะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเดินหน้ายกเครื่องโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน วิกฤตโลกร้อน และภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจในอนาคต และการรีไฟแนนซ์หนี้สหรัฐฯ มูลค่าราว 29 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐจะยากและแพงขึ้น
ขณะเดียวกันเครดิตความน่าเชื่อถือของหนี้สหรัฐฯ ที่เสียหายจะส่งผลต่อตลาดการเงินทั่วโลกอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะต้องไม่ลืมว่าความน่าเชื่อถือของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ กลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เป็นการลงทุนที่ปราศจากความเสี่ยง ดังนั้นการผิดนัดชำระหนี้แม้เพียงครั้งเดียวก็เพียงพอให้สหรัฐฯ สูญเสียความน่าเชื่อถือทั้งหมด
เจมี ไดมอน (Jamie Dimon) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เตือนว่า การผิดนัดชำระหนี้จะสร้างความเสียหายให้กับอเมริกาเป็นเวลา 100 ปี
นอกจากจะสร้างความปั่นป่วนในตลาดแล้ว การผิดนัดชำระหนี้ยังส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เพราะรัฐบาลสหรัฐฯ ขาดสภาพคล่องในการบริหารจัดการ
แม้ในท้ายที่สุดสภาคองเกรสสหรัฐฯ จะเดินหน้าขยายเพดานหนี้เหมือนเช่นการพิจารณาทุกครั้ง เพราะไม่อาจแบกรับความเสียหายที่ตามมาได้ แต่ก่อนหน้าที่ข้อตกลงจะบรรลุผล ไอแซก บอลตันสกี (Isaac Boltansky) ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยนโยบายของ Compass Point Research & Trading กล่าวว่า ประเด็นเพดานหนี้มักจะตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองเสมอ ซึ่งไม่ใช่แนวคิดที่ดีนัก โดยเฉพาะในห้วงเวลานี้ที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด
วันเดียวกันมีรายงานว่า คณะกรรมาธิการการค้าสหรัฐฯ (US Federal Trade Commission: FTC) เตรียมเปิดการประชุมในวันที่ 15 กันยายนนี้ โดยมีประเด็นมุ่งพิจารณาตรวจสอบการดำเนินงานของ 5 บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เกี่ยวกับพฤติกรรมที่เข้าข่ายละเมิดกฎหมาย เช่น การผูกขาดตลาด รวมถึงพิจารณากฎระเบียบควบคุมเพื่อการแข่งขันอย่างเป็นธรรม และการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน
อ้างอิง: