วานนี้ (27 สิงหาคม) ชุมชนข่าวกรองแห่งสหรัฐฯ (IC) เปิดเผยรายงานการสืบสวนที่มาของการแพร่ระบาดของโรคโควิดฉบับล่าสุด โดยยังไม่สามารถสรุปได้ว่าต้นตอของโรคโควิดเกิดจากอะไร ขณะที่แบ่งสมมติฐานที่มีความเป็นไปได้สูงสุด 2 แนวทาง คือเกิดจากการสัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อ ซึ่งเป็นการระบาดตามธรรมชาติ หรือเกิดจากเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับห้องปฏิบัติการที่ทำให้ไวรัสหลุดออกมา
“หลังการตรวจสอบการรายงานข่าวกรองที่มีอยู่ทั้งหมดและข้อมูลอื่นๆ แล้ว IC ยังคงแบ่งแยกแนวโน้มที่เป็นไปได้มากที่สุดของต้นกำเนิดโควิด หน่วยงานทั้งหมดประเมินว่ามีสมมติฐานสองที่ข้อเป็นไปได้คือ การสัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อตามธรรมชาติและเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับห้องปฏิบัติการ” รายงานระบุ
รายงานสืบสวนที่มาของโควิดดังกล่าว เป็นไปตามคำสั่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ให้ตรวจสอบเพิ่มเติมในเรื่องนี้ และส่งรายงานกลับมาภายใน 90 วัน ซึ่งไบเดนออกแถลงการณ์หลังได้รับรายงานว่า รัฐบาลวอชิงตันและชาติพันธมิตรจะยังคงกดดันจีนเพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป
ทั้งนี้ IC ซึ่งกำกับดูแลหน่วยข่าวกรอง 18 แห่งของสหรัฐฯ ระบุข้อสรุปที่ชัดเจนว่าไวรัสโควิดนั้นไม่ใช่อาวุธชีวภาพ และจีนไม่ทราบมาก่อนเกี่ยวกับการระบาดของไวรัส แต่ทั้ง IC และไบเดน วิจารณ์รัฐบาลปักกิ่งว่ามีความพยายามขัดขวางการสืบสวนที่มาการระบาดของเชื้อโควิด
“ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับต้นกำเนิดของการระบาดนั้นมีอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน แต่ตั้งแต่เริ่มต้น เจ้าหน้าที่รัฐบาลในจีนได้ทำงานเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่สืบสวนระหว่างประเทศและสมาชิกของชุมชนสาธารณสุขทั่วโลกเข้าถึงข้อมูลดังกล่าว” ไบเดนระบุในแถลงการณ์
อย่างไรก็ตาม รายงานการสืบสวนดังกล่าว คาดว่าจะส่งผลให้สถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลวอชิงตันและปักกิ่ง เลวร้ายลงอีก ซึ่งทางสถานเอกอัคราชทูตจีนในกรุงวอชิงตัน ดีซี. ออกแถลงการณ์ตอบโต้เนื้อหารายงานว่า มีการกล่าวอ้างแบบผิดๆ ว่าจีนยังคงขัดขวางการสืบสวน และชี้ว่า “รายงานที่แต่งเรื่องขึ้นโดยชุมชนข่าวกรองของสหรัฐฯนั้น ไม่น่าเชื่อถือในทางวิทยาศาสตร์”
อ้างอิง: